“ประมวล ตรีสุทธามาศ” ประสบการณ์ 16 ปีกับแวดวงอสังหาฯ
ประสบการณ์ช่วงหนึ่งของชีวิตการทำงาน อาจนำมาสร้างธุรกิจให้เติบโตได้เช่นกัน ดังเช่น “ประมวล ตรีสุทธามาศ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพลินจิต พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้บริหารที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์มากว่า 16 ปี ณ วันนี้ได้ใช้ประสบการณ์ทั้งหมดหลอมรวมกับความถนัดสร้างสรรค์โครงการ “เพลินจิต คอลลิน่า” ที่เชื่อว่าจะสามารถสร้างความสุขที่แตกต่างแก่ผู้พักอาศัยอย่างลงตัว
ประมวล ตรีสุทธามาศ พื้นเพเป็นคนเชียงใหม่ไปเรียนและทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นกรรมการบริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง ดำเนินโครงการเกือบทุกประเภท ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม ตึกแถว และคอมมูนิตี้มอลล์ ผ่านประสบการณ์มากว่า 16 ปี ก่อนลาออกมาทำธุรกิจของตัวเอง เป็นตัวแทนจำหน่ายปั๊มน้ำ ฮิตาชิ (Hitachi) และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ให้กับลูกค้าประเภทโครงการจัดสรรขนาดใหญ่ ซึ่งขณะนี้ได้ขยายตลาดมายังจังหวัดเชียงใหม่ด้วยเช่นกัน
จากการที่ได้เดินทางมาพบครอบครัวที่เชียงใหม่บ่อยๆ ทำให้ประมวลเห็นถึงศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่หลายด้าน ทั้งทัศนียภาพที่สวยงาม อากาศดี วิถีชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรมประเพณีของชาวเหนือ ที่เชื่อว่าจะสามารถพัฒนาและต่อยอดทางธุรกิจได้ จึงเป็นจุดผลักดันให้ตัดสินใจลงทุนทำโครงการเพลินจิต คอลลิน่า และกลับมาใช้ชีวิตที่จังหวัดเชียงใหม่
โดยเริ่มลงทุนบนทำเลย่านสันกำแพงสายใหม่ กับพื้นที่กว่า 58 ไร่ ด้วยทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท ปั้นโครงการเพลินจิต คอลลิน่า ขึ้นมาด้วยแนวคิดที่จะสร้างความแตกต่าง ที่นอกเหนือจากระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันแล้ว ยังมีแนวความคิดให้บ้านทุกหลังของโครงการ มีหลังบ้านไม่ติดกันพร้อมสวนหลังบ้านที่เปรียบเสมือนเป็นบ้านที่มีปอด
นอกจากนี้ยังมีสวนขนาดใหญ่สไตล์โมเดิร์นฟอร์เรสต์ ไว้สำหรับเป็นพื้นที่ส่วนกลางของผู้พักอาศัยในโครงการ ให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติสีเขียว แม้แต่รายละเอียดเรื่องถนนภายในโครงการยังออกแบบให้มีความโค้งแทบทุกเส้นทาง ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความสวยงามและดูไม่น่าเบื่อเหมือนกับถนนเส้นตรงที่ตัดผ่านโครงการ โดยทุกแนวความคิดนั้น ต้องการให้โครงการเพลินจิต คอลลิน่า เป็นโครงการที่มีคุณภาพ ออกแบบบ้านและสาธารณูปโภคทั้งหมดให้เข้ากับทัศนียภาพและบรรยากาศของจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่สวยงามในอันดับต้นๆ ของประเทศไทย
สำหรับมุมมองเรื่องอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่นั้น ปัจจุบันมีการแข่งขันค่อนข้างสูง เป็นที่สนใจของนักลงทุน ต่างถิ่น ซึ่ง 4 ปัจจัยหลักที่มีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้แก่
1.นโยบายรัฐบาล ที่เน้นให้เชียงใหม่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก ทำให้การลงทุนในระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ต่างๆ มุ่งมายังที่นี่และยังเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง 2.การศึกษา จังหวัดเชียงใหม่ถือว่าเป็นศูนย์กลางการศึกษาของทางภาคเหนือ มีสถาบันการศึกษาชั้นนำอยู่มากมาย ทำให้บุคคลากร ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายมีจำนวนมากขึ้น 3.บ้านหลังที่สอง หลังจากผ่านเหตุการณ์มหาอุทกภัย กระแสเรื่องบ้านหลังที่สองมีมากขึ้น โดยเมืองที่ได้รับความนิยมเรื่องบ้านหลังที่สองคือจังหวัดเชียงใหม่ และ4.การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะทำให้จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่มีความพร้อมในด้านต่างๆ เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งทั้ง 4 ปัจจัยนี้ เชื่อว่าจะส่งผลโดยตรงต่ออนาคตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ให้มีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้น
ภายใต้การแข่งขันที่สูงมากในอนาคต กลไกของตลาดจะเป็นตัวจัดการเองว่าผู้ประกอบการรายใดมีสินค้าที่ดี มีคุณภาพ เข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้ซื้อ ก็จะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ เรื่องเหล่านี้เมืองใหญ่ๆ เช่นกรุงเทพฯ ก็ล้วนแต่ได้ผ่านกระบวนการเหล่านี้แล้วทั้งนั้น
แน่นอนว่าการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เพราะต้องบริหารบุคลากรเป็นจำนวนมาก โดยใช้หลักการบริหารงานโดยเน้นไปที่กระบวนการทำงาน ทั้งเรื่องของการวางแผนที่ดี, การจัดการองค์กร จัดคนให้เหมาะสมกับงาน, การสั่งการ ดำเนินการ ตามแผนงานที่วางไว้ รวมถึงการประเมินผลและปรับปรุงให้ดีขึ้น ส่วนการคัดเลือกบุคลากรที่จะเข้ามาทำงานร่วมกันนั้น เน้นคนดี มีคุณธรรมจริยธรรม และที่สำคัญต้องมีความรู้ความชำนาญในเรื่องที่ทำด้วย
“จากประสบการณ์ของการทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านมากว่า 16 ปี ทำให้ตระหนักอยู่เสมอว่า ไม่ว่าจะทำธุรกิจเล็กหรือใหญ่ ต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่นเสมอ แม้กระทั่งวันนี้ ที่ผมได้ก่อตั้งโครงการเพลินจิต คอลลิน่า ด้วยการใส่ใจทุกรายละเอียด เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสิ่งที่ดีที่สุดและตอบโจทย์ทุกความต้องการให้มากที่สุด“ ประมวลกล่าว
ธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ย่อมมีการแข่งขันทุกระดับ ดังนั้นการที่จะหาจุดยืนและตอบโจทย์ให้ตรงใจผู้บริโภคได้อย่างไรนั้น ก็อยู่ที่กลเม็ดเคล็ดลับของผู้ประกอบการแต่ละรายว่าใครจะเด็ดและโดนใจกว่ากัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดคนทำธุรกิจอย่าหลงลืมความซื่อสัตย์ ดั่งที่ผู้บริหารหนุ่มผู้นี้บอกว่า ต้องซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่นเสมอ เพียงแค่หนึ่งจุดเล็กๆ ก็สามารถทำธุรกิจประสบความสำเร็จได้เช่นกัน