ดร. ปรีดา พิชยาพันธ์ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางวิศวกรรมขนส่งและเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน (ExCITE) ภาควิชาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เปิดเผยว่า แนวเส้นทางที่ได้จากผลการศึกษาความเป็นไปได้เมื่อปี 2550 แต่ได้พิจารณาปรับเปลี่ยนเนื่องจาก 7-8 ปีที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยแบ่งการศึกษาออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.จุดเริ่มต้นโครงการถนนมหิดลทางหลวง 141 จนถึงทางหลวง 121 ถนนวงแหวนรอบ 3, 2.ตั้งแต่ทางหลวง 121 จุด ก่อสร้างสะพานแม่น้ำปิง และ 3.ทางหลวง 106 สารภี-ลำพูน
มีระยะทางประมาณ 20.59 กิโลเมตร หลังการศึกษาพบว่าช่วงต้นโครงการถนนมหิดล-วงแหวนรอบ 3 ผ่านหลายชุมชนและพยายามหาพื้นที่ลดผลกระทบแล้วแต่ก็ไม่บรรเทา ทำให้มีแนวคิดเปลี่ยนจุดเริ่มต้นโครงการโดยขยับจุดเริ่มต้นโครงการมายังบริเวณทางหลวง 121 ถนนวงแหวนรอบ 3 และจุดสิ้นสุดโครงการอยู่บนถนนเลี่ยงเมืองจังหวัดลำพูน ทางหลวงชนบท 3186 ที่กำลังก่อสร้าง
โดยระยะทางที่ปรับประมาณ 14.01 กิโลเมตร ตลอดระยะเวลาศึกษาได้สำรวจข้อมูลโดยเฉพาะปริมาณจราจร, ความต้องการการเดินทาง, ความเร็ว และโครงข่ายที่มีผลกระทบได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์ปริมาณความต้องการการเดินทางเทียบกับขนาดถนนและความสามารถในการรองรับ ซึ่งพบว่าการเดินทางจากอำเภอเมืองเชียงใหม่-อำเภอสันกำแพงมีการเดินทางสูงอันดับ 1, การเชื่อมโยงระหว่างเชียงใหม่-ลำปาง-กรุงเทพฯ เป็นอันดับ 2 และเชียงใหม่-ลำพูน เป็นอันดับ 3
การออกแบบโครงการต้องเวนคืนเขตทางกว้าง 60 เมตร ช่องจราจรกว้าง 3.5 เมตร ไหล่ทางด้านในกว้าง 1.5 เมตร และไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.5 เมตรยาว 14 กิโลเมตร เบื้องต้นก่อสร้างถนน 4 ช่องจราจร เกาะกลางเป็นร่อง และในอนาคต 50 ปีข้างหน้าถนนสามารถพัฒนาได้สูงสุด 10 ช่องจราจร
ส่วนการออกแบบทางแยกจุดกลับรถ พยายามลดจุดกลับรถเพื่อลดอุบัติเหตุส่วนถนนท้องถิ่นในหมู่บ้านที่มาเชื่อมกับถนนโครงการจะออกแบบไม่ให้ถูกแบ่งแยกเป็นทางเชื่อมแบบทางลอดให้ชุมชนสองข้างทางไม่ถูกตัดขาด และบางจุดมีจุดกลับรถอย่างปลอดภัย โดยจุดกลับรถจะให้มีระยะทางไม่เกิน 3 กิโลเมตร และบางจุดที่มีข้อกังวลของชุมชนว่าเป็นเส้นทางไปฌาปนกิจสถานจะออกแบบเป็นช่องลอดและมีช่องเปิดกลางถนนเวลามีขบวนแห่โดยสามารถเปิดจุดชั่วคราวได้ ซึ่งจะมีทั้งหมด 16 จุดและทำให้วิถีชุมชนเป็นแบบเดิมได้
อย่างไรก็ตามจากการศึกษาพบว่าจะมีมูลค่าก่อสร้างประมาณ 2,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 20 ปีจะเกิดผลมากกว่าเม็ดเงินการลงทุนประมาณ 4 เท่าหรือกว่า 3,500 ล้านบาท