ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ เป็นการดำเนินงานที่มีปัจจัยหลายด้านเข้ามาเป็นองค์ประกอบ ซึ่งล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนการลงทุนในหลากหลายรูปแบบทั้งเรื่องทำเลที่ตั้ง, ประเภทของอสังหาฯ อาทิ บ้าน, คอนโดมิเนียม, อาคารพานิชย์ ตลอดจนถึงเครื่องไม้เครื่องมือ และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับงานก่อสร้าง Baania ขอแนะนำผู้อ่านให้รู้จักกับคุณสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) กับเรื่องราวที่น่าสนใจของบริษัทฯ ทั้งเรื่องการดำเนินงานและผลิตภัณฑ์ต่างๆ
สำหรับบริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) (DRT) นั้นเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง หากแบ่งออกเป็นประเภทคร่าวๆ จะประกอบไปด้วย
1. ผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา
2. ไม้สังเคราะห์
3. แผ่นบอร์ด
4. ยิปซัม
5. อิฐมวลเบา
6. ส่วนบริการหลังการขาย ที่มีประสบการณ์อยู่ในธุรกิจมานานกว่า 33 ปี
มีการนำเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในการผลิตอีกทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และผ่านการรับรองระบบมาตรฐาน ISO 9001:2015, OHSAS 18001 : 2007, ISO 14001 : 2015 จากสถาบัน Lloyd’s Register Quality Assurance Limited. (LRQA) นอกจากนั้นได้รับเครื่องหมายมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) จากสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับตราสัญลักษณ์คุณภาพไทยแลนด์ หรือThailand Trusted Mark (TTM) จากสำนักส่งเสริมมูลค่าเพิ่มเพื่อการส่งออก กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ทั้งหมดนี้ถือเป็นตัวบ่งชี้และเป็นเครื่องยืนยันถึงมาตรฐาน,คุณภาพสินค้าและการบริหารจัดการ ภายในโรงงานที่มีประสิทธิภาพ กับวิสัยทัศน์ “เป็นทางเลือกที่ดีกว่าด้านวัสดุก่อสร้างและบริการ”
จากการประเมินสถานการณ์ตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 2562 คาดว่าจะเป็นการแข่งขันในด้านการพัฒนา ขีดความสามารถด้านการให้บริการ (Service) และคุณภาพผลิตภัณฑ์ (Product) เป็นหลัก จากเดิมที่จะใช้กลยุทธ์ในเรื่องของราคาสินค้าหรือการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
เนื่องจากพบว่าปัจจัยเรื่องต้นทุน, วัตถุดิบหลายรายการมีการปรับเพิ่มขึ้น บวกกับผู้ประกอบการก็ไม่อยาก ปรับราคาสินค้าเพราะเกรงจะส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถการแข่งขันในภาวะที่ตลาดวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้ม การเติบโตที่ดี นอกจากนั้นยังมีปัจจัยจากการดำเนินนโยบายของภาครัฐในส่วนของ โครงการบ้านล้านหลัง ที่จะสนับสนุนประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและ นโยบายการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้น ฐาน ด้านคมนาคมที่เอื้อให้เกิดการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางคมนาคมเพิ่ม ซึ่งส่งผลดีต่อการกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเพื่อรองรับการก่อสร้างที่อยู่อาศัยมากขึ้น
การตลาดจะแตกต่างกันไปตามกลุ่มของลูกค้า โดยกลุ่มค้าปลีก จะใช้กลยุทธ์การตลาดเหมือนกับส่วนกลาง ส่วนลูกค้าเอเย่นต์ (ตัวแทนจำหน่ายแบบดั้งเดิม และ Local Modern Trade) เนื่องจากเอเย่นต์ภาคเหนือส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้ารายใหญ่ ทำให้ลูกค้าแต่ละราย มีกลยุทธ์แตกต่างกัน เช่น การโฟกัสสินค้าที่แตกต่างกันในลูกค้าแต่ละราย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบในพื้นที่เดียวกัน ส่วนลูกค้างานโครงการ กลยุทธ์การตลาด จะเหมือนกัน โดยเน้นการทำตลาดสินค้า แบบครบวงจรพร้อมบริการติดตั้ง ตามแคมเปญ สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง
ทั้งนี้ยังมีปัจจัยบวกและลบที่มีผลต่อตลาดโดยรวมโดยปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจของเชียงใหม่ ปี 2562 คาดการณ์เติบโตจากการท่องเที่ยวและการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ ผลผลิตการเกษตรที่เพิ่มขึ้น และการลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐ จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวมให้ฟื้นตัวดีขึ้น ด้านปัจจัยลบทางเศรษฐกิจสำหรับปัจจัยในประเทศ จะเป็นความไม่แน่นอนทางการเมือง สำหรับการเลือกตั้ง 2562 นับเป็นปัจจัยลบที่สำคัญ อีกทั้งรวมไปถึงสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อโครงการ มาตรการคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและเรื่องผลกระทบด้านการท่องเที่ยว จากความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนกรณีเรือล่มที่ จ.ภูเก็ต อาจจะลดลง และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของเชียงใหม่เช่นกัน สำหรับปัจจัยต่างประเทศคือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งทำให้ธุรกิจของเติบเติบโตแบบชะลอลง ส่งผลต่อการลงทุนของนักท่องเที่ยวจีน
ภาพรวมของตลาดวัสดุก่อสร้างของประเทศไทยในปี2562 คาดว่าจะคึกคักขึ้น สิ่งที่ท้าทายคือการบริหารจัดการต้นทุนเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้บริโภคจากการปรับขึ้นราคาสินค้า ดังนั้นนอกจากผู้ประกอบการจะหันมาลดการแข่งขันเรื่องสงครามราคาแล้วประเมินว่าจะหันมามุ่งเน้นงานด้านบริการควบคู่กับการชูคุณภาพสินค้ามาใช้ทำตลาด เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อซึ่งบริษัทฯ มีนโยบายเสริมความแข็งแกร่งด้านบริการมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงวางแผนบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตให้มี ประสิทธิภาพและลดความสูญเสียในกระบวนการผลิต เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับร้อยละ 25-27 ด้วยแนวคิด ‘สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง’
ในส่วนของภาคเหนือสินค้าที่ได้รับความนิยมได้แก่ 1 กลุ่มสินค้ากระบื้องหลังคาลอนคู่, อันดับ 2 กลุ่มสินค้า ไม้ฝา และไม้สังเคราะห์, อันดับ 3 กลุ่มสินค้ากระเบื้องหลังคา CT Gran Onda ทั้งนี้ในภาคเหนือและจังหวัดเชียงใหม่ บริษัทยังจะมุ่งทำตลาดสินค้า 3 กลุ่ม ได้แก่
1. กระเบื้องหลังคาลอนคู่ เนื่องจากทางตราเพชร มี Market Share เป็นอันดับ1
2. อิฐมวลเบา เพราะมีโรงงานผลิตในพื้นที่ ทำให้ได้เปรียบด้านการขนส่งสินค้า
3. กระเบื้องคอนกรีต เนื่องตลาดเชียงใหม่ มีแนวโน้มเติบโตจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
นอกจากนั้นในปี 2562 ในภาคเหนือและจังหวัดเชียงใหม่ ตลาดวัสดุก่อสร้าง คาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จากกรุงเทพ และบริษัทในพื้นที่ภาคเหนือ เข้าไปลงทุนเพื่อพัฒนาพื้นที่ภาคเหนือ และยังเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการเติบโต จากธุรกิจท่องเที่ยวอีกด้วยโดยตั้งเป้ายอดขายโดยคาดว่าจะมีการเติบโตในส่วนสินค้าของงานโครงการเพิ่มร้อยละ10และค้าปลีกอีกประมาณร้อยละ6 สำหรับกลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะมีการเติบโต คือ อิฐมวลเบา, กระเบื้องหลังคาคอนกรีต จากลูกค้ากลุ่มงานโครงการ กระเบื้องหลังคาลอนคู่ จากลูกค้ากลุ่มค้าปลีก
ความสัมพันธ์กับคู่ค้าที่มีความสัมพันธ์อันดี ต่อเนื่องยาวนานลูกค้าครอบคลุมทุกพื้นที่ในภาคเหนือ สินค้าบริษัทมีความหลากหลายครบวงจร นอกจากนั้นบริษัททำการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านคุณภาพ และการตอบสนองความต้องการของตลาดที่สำคัญมีโรงงานผลิตอิฐมวลเบาในพื้นที่ ทำให้ได้เปรียบค่าขนส่งสินค้า
ทั้งนี้ในอนาคตจะมีผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นเพิ่มเติม เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า อาทิ กระเบื้อง CT Venice เพื่อเน้นกลุ่มลูกค้่โครงการ และสร้างการรับรู้ ส่งเสริมภาพลักษณ์ และแนวโน้มสถาปัตยกรรมใหม่,หลังคาเหล็ก Decra by DIAMOND, ไม้สังเคราะห์ เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์การใช้งานที่หลากหลาย
ด้วยวิธีคิดแนวทางการดำเนินงาน ที่นอกจากมีความมุ่งมั่นประกอบกับแนวคิดในการดำเนินงานที่ชัดเจน เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ตราเพชรจะเข้าสู่กลุ่มผู้บริโภคได้ครอบคลุมในไม่ช้าอย่างแน่นอน...