Baania
Baania
จังหวัด
ประเภทประกาศ
ประเภทอสังหาริมทรัพย์
ราคา

พฤกษาปรับทัพ รับมือ ทาวน์เฮาส์แข่งดุ

x
คลิกที่นี่ เพื่อฟังบทความ

กลายเป็นประเด็นที่ถูกจับจ้องมากกว่าการแถลงผลประกอบการปี 2560 ของบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เมื่อบอสหญิง สุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง มีของแถมให้ไปขยายต่อ ด้วยการประกาศปรับโครงสร้างองค์กรใหม่อีกรอบ เพิ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท ทาวน์เฮาส์ เป็นอีกหนึ่งสายงาน จากเดิมที่มี 2 ขาธุรกิจ แบ่งเป็นธุรกิจแวลู ดูแลตลาดบ้านระดับกลาง-ล่าง และธุรกิจพรีเมียม ดูแลตลาดบ้านกลาง-บน 

เหตุผลที่ต้องเพิ่มขาธุรกิจทาวน์เฮาส์ให้เป็นเรื่องเป็นราว ตามถ้อยแถลงก็เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและรวดเร็วในการบริหารงาน เนื่องจากทาวน์เฮาส์ถือเป็นพอร์ตใหญ่ของพฤกษาที่มีสัดส่วนถึง 60% ของพอร์ตรวมทั้งหมด ในขณะที่ปัจจุบันตลาดมีการแข่งขันสูงจึงเห็นว่าควรจะแยกธุรกิจทาวน์เฮาส์ออกมา กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด


ทาวน์เฮ้าส์พฤกษา

การปรับกลยุทธ์รอบนี้ ชัดเจนว่า พฤกษาต้องการรักษาแชมป์ในตลาดบ้านทาวน์เฮาส์เอาไว้ โดยเฉพาะในกลุ่มราคา 2-3 ล้านบาท และต้องการขยับตลาดบ้านเดี่ยวจาก 3-5 ล้านบาท มาจับตลาดกลุ่ม 5-7 ล้านบาท รวมถึงการขยายตลาดไปยังหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ โดยจะเน้นการพัฒนาโครงการขนาดกลาง ในทำเลที่มีศักยภาพ เพื่อปิดการขายให้ได้เร็ว และหลังการปรับโครงสร้างใหม่กลุ่มธุรกิจแวลูจะดูแลบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียมรอบนอกเมือง ส่วนกลุ่มธุรกิจพรีเมียมจะเน้นตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนในพื้นที่ชั้นในของเมือง ซึ่งกำลังเริ่มสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับพฤกษา
เมื่อขาใหญ่ในตลาดขยับ ย่อมหมายถึงนัยที่แอบซ่อนอยู่  แม้พฤกษา จะยังครองความเป็นหนึ่งในตลาด แต่ก็อย่างที่บอสหญิงบอก การขันแข่งมันรุนแรงจึงต้องเร่งปรับตัว เพราะ ณ เวลา นี้ ถนนทุกสายต่างก็มุ่งหน้ามาที่การพัฒนาทาวน์เฮาส์ โดยเฉพาะบรรดาบิ๊กเนมในตลาดที่มองเห็นภาพของการขยายตัวของเมืองจากโครงการรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นนับสิบเส้นทางออกไปสู่นอกเมือง 
ผนวกกับราคาที่ดินที่สูงขึ้นจนผู้บริโภคเริ่มตั้งคำถามกับคอนโดมิเนียมในเมืองที่ราคานับแสนบาทต่อตารางเมตรแต่ได้ห้องเล็กเท่ารูหนูนั้นไม่คุ้มกันหรือไม่ ทาวน์เฮาส์ที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าขยับออกไปนอกเมืองหน่อยสามารถตอบโจทย์และเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคได้

ย้อนกลับมาดูสถานการณ์ตลาดทาวน์เฮาส์ในรอบปีที่ผ่านมา จากข้อมูลของ พฤกษา ตลาดรวมมีมูลค่า 7.6 หมื่นล้านบาท ระดับราคา 2-3 ล้านบาท เป็นตลาดใหญ่สุดมูลค่ารวม 2.9 หมื่นล้านบาท ราคา 3-5 ล้านบาท เป็นอันดับ 2 ด้วยมูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท และราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ใหญ่เป็นอันดับ 3 ด้วยมูลค่าตลาด 1.5 หมื่นล้านบาท


ตลาดทาวน์เฮาส์ปี61

เข้าสู่ปี 2561 ซึ่งคาดว่าตลาดทาวน์เฮาส์จะเติบโตประมาณ 8% ถือว่าเติบโตมากกว่าตลาดบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมที่เติบโดตอยู่ในระดับ 4% บวกลบ โดยตลาดทาวน์เฮาส์ในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 8.2 หมื่นล้านบาท ตลาดที่จะเติบโตมากสุดคือระดับราคา 2-3 ล้านบาท มีมูลค่ารวม 3.2 หมื่นล้านบาท ตลาดราคา 3-5 ล้านบาท ขยับขึ้นเล็กน้อย โดยมีมูลค่าตลาดรวม 2.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ตลาดต่ำกว่า 2 ล้านบาท ทรงตัวอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท

พฤกษา ยังคงแข็งแกร่งในตลาดทาวน์เฮาส์ราคา 2-3 ล้านบาท และต่ำกว่า 2 ล้านบาท และในปีนี้จะเปิดเกมบุกในตลาด 3-5 ล้านบาท มากขึ้น โดยมีแผนจะเปิดโครงการทาวน์เฮาส์ทั้งหมด 44 โครงการ มูลค่า 2.7 หมื่นล้านบาท จากโครงการทั้งหมด 75 โครงการ มูลค่า 6.6 หมื่นล้านบาท แต่ช้าก่อนไม่ใช่แค่ พฤกษา เจ้าเดียวที่โหมบุกตลาดทาวน์เฮาส์ ยังมีบริษัทรายใหญ่ รายกลาง และรายเล็ก ไม่ว่าจะเป็น แสนสิริ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ โกลเด้นแลนด์ ศุภาลัย เอพี หรือรายกลางๆ อย่าง เจ.เอส.พี. ที่ร่วมส่งเข้าประกวดประชันแข่งขันด้วย  และหากดูผลงานของหลายบริษัทในช่วงที่ผ่านมาก็มียอดขายที่เริ่มไล่ตามพฤกษามาไม่ห่างนัก และอาจจะเพลี่ยงพล้ำได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง 

ทั้งนี้หากดูที่ผลการดำเนินงานของพฤกษาในปี 2560 จะพบว่า พฤกษามียอดขายรวม 4.7 หมื่นล้านบาท เติบโต 7% จากปี 2559 ที่มียอดขาย 4.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 4.8 % จากปี 2558 ที่มียอดขาย 4.2 หมื่นล้านบาท ถือเป็นปีที่เริ่มทำลายสถิติยอดขายสูงสุดของพฤกษาในรอบ 23 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดขายคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ที่มีมูลค่าสูงขึ้น โดยเติบโตถึง 8.4% จากปี 2557 ที่มียอดขาย 3.9 หมื่นล้านบาท


ผลประกอบการพฤกษาปี60

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมียอดขายที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน แต่ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มคอนโดมิเนียมที่เพิ่มขึ้น 6,596 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 57.4% เป็นผลจากการเปิดตัวโครงการคอนโดที่ได้รับผลตอบรับที่ดี ขณะที่ทาวน์เฮาส์มียอดขายลดลงประมาณ 1,452 ล้านบาท จาก 2.32 หมื่นล้านบาทในปี 2559 เหลือ 2.17 หมื่นล้านบาท ในปี 2560 หรือคิดเป็น 6.3% ขณะที่บ้านเดี่ยว ลดลง 1,950 ล้านบาท จากปี 2559 มียอดขาย 9,643 ล้านบาท เหลือ 7,693 ล้านบาท ในปี 2560  หรือลดลงถึง 20%

ขณะที่รายได้รวมในปี 2560 อยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 5,454 ล้านบาท ซึ่ง พฤกษา ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยระบุว่า กลุ่มธุรกิจอสังหาฯมีรายได้ 4.3 หมื่นล้านบาท ลดลง 2,991 ล้านบาท หรือลดลง 6.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยส่วนใหญ่ลดลงจากอาคารชุด 1,781 ล้านบาท ที่ลดลง 12.9% เนื่องจากโครงการอาคารชุดส่วนใหญ่ยังไม่ถึงรอบในการโอนกรรมสิทธิ์ สำหรับรายได้จากทาวน์เฮาส์ลดลง 834 ล้านบาท หรือลดลง3.5% รายได้จากบ้านเดี่ยว ลดลงเล็กน้อย 253 ล้านบาท หรือลดลง 2.7% 

หากดูจากอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ก็จะเข้าใจได้ว่า การปรับองค์กรดึงเอาทาวน์เฮาส์เป็นอีกหนึ่งขาธุรกิจที่ต้องดูแลและสั่งการกันอย่างใกล้ชิด เป็นกลยุทธ์ที่มีความสำคัญเพียงใดและเป็นการส่งสัญญาณให้ได้รับรู้กันว่า ตลาดทาวน์เฮาส์ของข้าใครอย่าแตะนั่นเอง แต่รับรองว่า งานนี้ไม่มีใครยอมใคร ตลาดนี้ไฟลุกท่วมแน่นอน

ประกาศยอดนิยม ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร

โครงการยอดนิยม ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร