บนถนนสายเชียงใหม่-ลำปาง (บริเวณแยกสารภี) ห้างวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านยักษ์ใหญ่ “ไทวัสดุ” ของกลุ่มเซ็นทรัล เปิดอาณาจักรมูลค่ากว่า 700 ล้านบาทอย่างเป็นทางการไปเมื่อไม่นานมานี้ ชูจุดแข็งสินค้าราคาถูก บริการครบวงจร คุณภาพดีทั้งวัสดุก่อสร้าง-ตกแต่งบ้านกว่าแสนรายการ วาดแผนกุมตลาดเชียงใหม่เบ็ดเสร็จ พร้อมให้เชียงใหม่เป็นฐานกระจายสินค้าไปยังจังหวัดใกล้เคียงและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านลุ่มแม่น้ำโขง ตั้งเป้ากวาดยอดขายปีละ 500 ล้านบาท
นับเป็นกระแสการลงทุนของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ระดับประเทศที่น่าจับตามองยิ่ง กับก้าวรุกที่จะทำให้การแข่งขันของตลาดวัสดุก่อสร้างในเชียงใหม่ระอุมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเมืองเชียงใหม่ที่กำลังเติบโตและเบ่งบานอย่างมากขณะนี้
สุทธิสาร จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีอาร์ซี เพาเวอร์ รีเทล จำกัด บอกว่า ทิศทางธุรกิจวัสดุก่อสร้างไทยมีแนวโน้มขยายตัวสูงต่อเนื่องจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของเศรษฐกิจ การเติบโตของโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งการรุกขยายสาขาไทวัสดุมาเชียงใหม่ครั้งนี้นับเป็นสาขาที่ 17 โดยใช้งบประมาณลงทุนกว่า 700 ล้านบาทบนเนื้อที่กว่า 40 ไร่ ตั้งอยู่ติดถนนซูเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง (แยกสารภี) มีขนาดพื้นที่บริการรวมทั้งสิ้น 23,000 ตารางเมตร
สำหรับสินค้าวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่ไทวัสดุ เชียงใหม่มีมากกว่า 100,000 รายการ มีซัพพลายเออร์ป้อนสินค้าให้กับไทวัสดุมากถึง 600 ราย เพื่อรองรับการขยายตัวของอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดเชียงใหม่ที่กำลังขยายตัวอย่างมาก และได้วางให้เชียงใหม่เป็นฐานหลักในการกระจายสินค้าไปยังจังหวัดใกล้เคียงเช่น ลำพูน แม่ฮ่องสอน รวมถึงตลาดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงในลุ่มแม่น้ำโขง
“ปีนี้ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจของวัสดุก่อสร้างไทย โดยเฉพาะร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ที่มีมูลค่าตลาดกว่า 200,000 ล้านบาท ซึ่งการเร่งขยายสาขาถือเป็นการยึดพื้นที่ก่อนคู่แข่ง และมีโครงสร้างสินค้าราคาต่ำกว่าคู่แข่ง ไทวัสดุถือเป็นโมเดลธุรกิจที่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าส่วนใหญ่ได้ โดยตั้งเป้าเปิดให้ทั่วไทยในจังหวัดที่มีศักยภาพ” สุทธิสารกล่าว
สำหรับการรุกขยายสาขาไทยวัสดุมายังจังหวัดเชียงใหม่ ยอมรับว่าจะส่งผลให้การแข่งขันตลาดวัสดุก่อสร้างรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มห้างค้าวัสดุรายใหญ่ที่มาทำตลาดอยู่ก่อนหน้าหลายราย แต่ทางกลุ่มไม่ได้มองเรื่องการแข่งขันเป็นปัจจัยหลัก หากกลับเห็นว่าจะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องสร้างจุดขายที่แตกต่าง ซึ่งก็คือการให้ความสำคัญเรื่องราคาที่ถูกกว่า มีสินค้าที่ครบวงจรและคุณภาพดี ขณะที่ผู้ประกอบการร้านวัสดุก่อสร้างรายย่อยในท้องถิ่นนั้น ทางกลุ่มไม่ได้มองเป็นคู่แข่งแต่จะเป็นคู่ค้าร่วมกัน โดยจะมีบัตรร้านค้าช่วงสำหรับร้านค้ารายย่อยหรือผู้ซื้อเพื่อนำไปขายต่อ
สำหรับสาขาของไทวัสดุที่ได้เปิดดำเนินการในภาคเหนือแล้วคือที่สาขาจังหวัดพิษณุโลกและลำปาง ซึ่งทั้งสองสาขามีอัตราการเติบโตของการตลาดโดยรวมประมาณร้อยละ 20 ต่อปี โดยในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่นับเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพมากในแง่ของการลงทุน โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์มีอัตราการเติบโตสูงมากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 6-12 ต่อปี และจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดในจังหวัดเชียงใหม่ประมาณร้อยละ 7-10
“แผนปีนี้เราจะยังเน้นการขยายสาขาร้านไทวัสดุไปในภูมิภาคทุกจังหวัดที่มีศักยภาพในการลงทุน โดยหลังจากเปิดสาขาที่เชียงใหม่แล้ว ในระยะต่อไปภายในครึ่งปีหลังนี้จะเปิดสาขาที่ร้อยเอ็ด สุพรรณบุรี กาญจนบุรีและฉะเชิงเทรา รวมทั้งสิ้นขณะนี้มีสาขาไทวัสดุที่เปิดแล้วทั้งสิ้น 21 สาขา ส่วนในภาคเหนือทางกลุ่มก็เตรียมแผนที่จะขยายสาขาไทวัสดุอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าอาจจะลงทุนที่จังหวัดเชียงรายเป็นสาขาต่อไป เนื่องจากเป็นจุดที่สามารถกระจายสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้สะดวก”
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดนอกจากการขยายสาขาแล้ว บริษัทจะเน้นการให้สิทธิประโยชน์กับบัตรสมาชิกอย่างบัตรไทการ์ดซึ่งมีการสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของสมนาคุณต่างๆ และยังจะทำการตลาดโดยตรงกับฐานสมาชิกผู้ถือบัตร ซึ่งได้แบ่งรูปแบบตามกลุ่มสินค้าออกเป็น 3 แบบ คือบัตรลูกค้า VIP (บัตรแดง) สำหรับบุคคลทั่วไป, บัตรสำหรับช่างผู้รับเหมา (บัตรเงิน) และบัตรร้านค้าช่วง (บัตรทอง) สำหรับร้านค้าย่อยหรือผู้ซื้อเพื่อนำไปขายต่อ
นอกจากนี้ยังจะมีการนำสินค้าที่จำหน่ายเฉพาะร้านไทวัสดุที่เป็นสินค้า House Brand มาทำตลาดด้วย 4 แบรนด์ ได้แก่ แบรนด์ Kassa, สินค้ากลุ่มสุขภัณฑ์และห้องน้ำแบรนด์ Kassa Home, สินค้าตกแต่งบ้านแบรนด์ Luzina, แสินค้ากลุ่มโคมไฟ และแบรนด์ Giant Kingkong สินค้ากลุ่มเครื่องมือช่างและฮาร์ดแวร์