เมื่อปี 2015 สำนักข่าว The Guardian ของอังกฤษ เคยนำเสนอข่าวที่มีข้อมูลคลาดเคลื่อนชิ้นหนึ่ง นั่นคือข่าวรัฐสภาฝรั่งเศสผ่านกฎหมาย Green & Solar Roof โดยกำหนดให้อาคารใหม่และอาคารพาณิชย์ต้องคลุมหลังคาด้วยพืชพรรณหรือแผ่นโซลาร์ ปรากฏว่าคนแชร์ข่าวนี้เยอะมาก (รวมทั้งฉันด้วย)
หากในความเป็นจริงแล้ว Green & Solar Roof เป็นความพยายามของการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เสนอโดยสภาผู้แทนราษฎรของฝรั่งเศส แต่โดนตีกลับโดยวุฒิสภาให้ไปศึกษาเพิ่มเติม
Laurence Abeille ส.ส. ที่เป็นคณะทำงาน Sustainable Development and Area Management เธอเป็นผู้เสนอการแก้ไขกฎหมายให้เพิ่มประเด็น Green & Solar Roof นี้ เธอโต้แย้งว่า หลังคาคือโครงสร้างทิ้งร้าง (leftover assets) ของเมือง แต่ถูกปล่อยไม่ได้ใช้งานหรือใช้งานต่ำ (Under-utilized) เป็นลานคอนกรีตแห้งแล้ง ปล่อยความร้อนสู่เมืองปริมาณมหาศาล ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของปรากฏการณ์เกาะความร้อนเมืองหรือ urban heat island แต่หากเราปกคลุมหลังคาและอาคารด้วยพืชพรรณจะช่วยลดความร้อนที่ปล่อยออกสู่เมือง (การศึกษาของประเทศแคนาดา พบว่า Green Roof ช่วยลดอุณหภูมิได้ 1-2 องศาเซลเซียส) ช่วยเพิ่มปริมาณการดูดซับน้ำฝน ลดเสียงดัง ลดการใช้พลังงานของอาคาร (ดินของ Roof Garden จะทำหน้าที่เหมือนฉนวนกันความร้อนหรือดูดซับความร้อนไว้) รวมทั้งเพิ่มโอกาสสร้างความหลากหลายทางชีวภาพแก่เมือง ให้เป็นที่อยู่ของนก ผึ้ง แมลง การเสนอแก้ไขกฎหมายนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากนักอนุรักษ์ รวมทั้งกลุ่มพลังงานทางเลือก และกลุ่ม Smart City
อย่างไรก็ตาม วุฒิสภาฝรั่งเศสมีความเห็นว่า ข้อเสนอยังขาดข้อมูลและการศึกษาที่เพียงพอ รวมทั้งมีข้อกังวลว่า Green & solar roof initiative นี้อาจส่งผลกระทบกับการลงทุนและการจ้างงาน (เช่น เจ้าของอาคารหรือเจ้าของโครงการต้องแบกภาระที่เป็นค่าก่อสร้างและบำรุงรักษาที่สูงขึ้น) ตลอดจนความปลอดภัย (เช่น น้ำหนักของดินบนหลังคาที่ต้องหนาอย่างน้อย 40 เซนติเมตร บวกระบบระบายน้ำและระบบระบายอากาศ) โดยขอให้สภาผู้แทนกลับไปศึกษาเพิ่มเติม
แท้จริงแล้ว Green roof & solar roof นี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายเมืองของสวิตเซอแลนด์ อเมริกา แคนาดา ฯลฯ ได้มีการบังคับใช้แล้วหลายปี แต่เป็น “ข้อบัญญัติระดับเมือง” หาใช่กฎหมายที่บังคับใช้ในระดับประเทศ หากฝรั่งเศสทำสำเร็จก็จะเป็นประเทศแรก
ประเด็นของวุฒิสภาฝรั่งเศสอาจจะอยู่ที่ว่า “หลังคาเป็นเรื่องของท้องถิ่น” แต่ละเมืองไปจัดการออกขัอบัญญัติกันเอง ใช่เรื่องของรัฐสภาหรือไม่ที่ต้องออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ทั้งประเทศ
อย่างไรก็ตาม ระหว่างรอการพิจารณากฎหมายฉบับนี้อีกครั้ง City of Paris ก็ไม่รอ โดยได้ออกนโยบาย “ธรรมชาติในเมือง” ส่งเสริมเอกชนให้มีส่วนร่วมในการพัฒนา Green & Solar roof โดยมีแรงจูงใจเป็นการลดหย่อนภาษี มีเป้าหมายที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้งบนหลังคา ดาดฟ้า กำแพง และ façade ของอาคารในเมืองปารีสให้ได้ 100 เฮกตาร์หรือ 1 ตารางกิโลเมตร ภายในปี 2020
นโยบายดังกล่าวส่งผลให้เกิดโครงการใหม่ๆ รวมทั้งโครงการประกวดแบบที่ตั้งหน้าตั้งตาหุ้มอาคารด้วยสีเขียว เช่น โครงการล่าสุดที่ถูกพูดถึงกันมาก คือ Beaugrenelle ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ที่ได้ dedicate หลังคาอาคารกว่า 7,000 ตารางเมตรเป็นพื้นที่สีเขียว คาดหวังให้เป็น the urban meadow ที่อยู่อาศัยของนกในเมือง
ปัจจุบัน กรุงเทพฯ เองก็มีแนวทางส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมเมืองเช่นกัน ดังในผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2556 ที่ใช้ FAR bonus เป็นมาตรการจูงใจสำหรับโครงการที่จัดเตรียมแก้มลิง กักเก็บน้ำในโครงการ รวมทั้งอาคารเขียว เป็นต้น
ที่มาภาพ ห้างสรรพสินค้า Beaugrenelle มาจาก www.panasia.com , www.maisonapart.com
ผศ.ดร. นิรมล เสรีสกุล ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC)