การสวดมนต์ก่อนนอนนั้นเป็นเรื่องที่ดี และควรปฏิบัติสำหรับชาวพุทธ บทสวดมนต์ก่อนนอนนั้นมีมากมายหลายบท หลายความหมาย ซึ่งตามความเชื่อนั้นการสวดมนต์ก่อนนอนจะช่วยให้เกิดสติ และความสบายใจ จิตใจสงบ รวมถึงเป็นการสร้างบุญ สร้างกุศล ให้แก่ผู้ที่ปฏิบัติรวมไปถึงคนรอบข้างอีกด้วย ดังนั้นในบทความนี้จะมาแนะนำถึงบทสวนมนต์ก่อนนอน รวมไปถึงความหมายและความสำคัญในบทสวดนั้นๆ
บทสวดมนต์คือถ้อยคำอันศักดิ์สิทธิที่เป็นภาษาบาลี ซึ่งถ้อยคำเหล่านั้นเรียกว่า “พระปริตร” ซึ่งแปลว่า “เครื่องคุ้มครองอันประเสริฐ” โดยบทสวดมนต์จะแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือบทสวดที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย และบทสวดที่เป็นการให้พร ซึ่งบทสวดมนต์ทั้งหลายนั้นได้เกิดมาจากพระพุทธวจนะขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้านั่นเอง
การสวดมนต์ของชาวพุทธคือการระลึกถึงพระพุทธคุณของพระพุทธเจ้า และเป็นการศึกษาในหลักคำสอนต่างๆ ที่ถ่ายทอดผ่านทางบทสวดมนต์ ซึ่งการสวดมนต์ยังมีประโยชน์อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นเครื่องช่วยในการยึดเหนี่ยวจิตใจให้กระทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว การสวดมนต์ยังช่วยทำให้เกิดสมาธิ จิตใจมีความสงบ ถ้าเป็นการสวดมนต์ก่อนนอนจะยิ่งช่วยให้นอนหลับได้ง่าย เนื่องจากจิตใจมีความสงบนั่นเอง
การสวดมนต์ก่อนนอนนั้นสามารถใช้บทสวดได้หลากหลายบทตามแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคล แต่การเริ่มต้นสวดมนต์ทุกครั้งต้องเริ่มด้วยการกราบพระรัตนตรัยก่อน 3 ครั้ง แล้วจึงต่อด้วยบทคำบูชาพระพุทธเจ้า หรือที่รู้จักกันว่าการตั้งนะโม 3 จบนั่นเอง เมื่อสวดบทบูชาพระพุทธเจ้าครบ 3 จบแล้วจึงเริ่มต้นสวดบทอื่นๆ ต่อไป บทบูชาพระพุทธเจ้ามีดังนี้
"นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ" โดยบทสวดนี้สามารถแปลโดยรวมได้ว่า ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น
เมื่อสวดบทบูชาพระพุทธเจ้าครบสามจบแล้ว บทสวดต่อไปที่ควรสวดเป็นประจำก่อนนอนคือคำบูชาพระรัตนตรัย บทสวดนี้เป็นการกล่าวถึงคุณของพระรัตนตรัยทั้ง 3 ประการ และเป็นการประกาศว่าได้ยึดถือพระรัตนตรัยไว้เป็นสรณะ โดยคำบูชาพระรัตนตรัยมีดังนี้
อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง ปูเชมิ แปลว่า ข้าพเจ้าบูชาพระพุทธเจ้า ด้วยสักการะนี้
อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง ปูเชมิ แปลว่า ข้าพเจ้าบูชาพระธรรม ด้วยสักการะนี้
อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง ปูเชมิ แปลว่า ข้าพเจ้าบูชาพระสงฆ์ ด้วยสักการะนี้
บทกราบพระรัตนตรัยเป็นบทสวดมนต์ที่ชาวพุทธทุกคนต้องเคยสวด เนื่องจากเป็นบทสวดมนต์ที่มีการสอนในโรงเรียน นิยมสวดกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งบทสวดมนต์นี้คือการระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยทั้ง 3 ประการนั่นเอง บทกราบพระรัตนตรัยมีคำกล่าวดังนี้
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ. แปลว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า, เป็นพระอรหันต์ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ข้าพเจ้าขออภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า, ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมังนะมัสสามิ. แปลว่า พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า, ตรัสไว้ดีแล้ว , ข้าพเจ้าขอนมัสการ พระธรรม
สุปะฏิปปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ. แปลว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า, ปฏิบัติดีแล้ว ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระสงฆ์
บทสวดสรรเสริญพระรัตนตรัย หรือที่รู้จักกันดีว่าบทสวดอิติปิโส ถือว่าเป็นบาสวดเริ่มต้นของการสวดมนต์ หลังจากที่เราได้กล่าวคำบูชาพระพุทธเจ้า บูชาพระรัตนตรัย สมาทานศีลเรียบร้อยแล้ว บทสวดมนต์บทนี้เป็นบทสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ โดยทั้ง 3 บทให้สวดต่อเนื่องกันไป บทสวดสรรเสริญพระรัตนตรัยมีบทสวดดังนี้
บทสวดถวายพรพระ หรือที่มักเรียกว่าบทสวดพาหุง, พาหุงมหากา, ชัยมงคลคาถา บทสวดนี้เป็นบทสวดสรรเสริญชัยชนะทั้ง 8 ประการของพระพุทธเจ้าที่มีเหลือเหล่ามนุษย์ และมาร ด้วยบารมีแห่งพระธรรม การสวดบทนี้นอกจากจะเป็นการสรรเสริญพระพุทธเจ้าแล้ว ยังเป็นการเสริมสิริมงคลให้แก่ตัวผู้สวดด้วย โดยบทพุทธชัยมงคลคาถา มีบทสวดภาษาบาลี และบทสวดเป็นทำนองสรภัญญะ ดังนี้
พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคลานิฯ
มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิฯ
นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิฯ
อุกขิตตะขัคคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิฯ
กัตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฎฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิฯ
สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิฯ
นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต อิทธูปะเทสะวิธีนา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิฯ
ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทะพะกาภิธานัง ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา โย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะมยยะ นะโร สะปัญโญ ฯ
ส่วนบทสวดพุทธชัยมงคลคาถาในรูปแบบของทำนองสรภัญญะนั้นได้แต่งขึ้นมาเพื่อให้เกิดความเข้าใจในบทสวดภาษาบาลี อีกทั้งยังทำให้จดจำความหมายของบทสวดได้ง่ายขึ้น การสวดด้วยทำนองสรภัญญะก็สามารถทำได้ และให้ผลเหมือนการสวดเป็นคำบาลีเช่นเดียวกัน
ปางเมื่อ พระองค์ประมะพุท ธะวิสุทธศาสดา
ตรัสรู้อนุตระสะมา- ธิ ณ โพธิบัลลังก์
ขุนมารสหัสสะพหุพา- หุวิชาวิชิตขลัง
ขี่คีรีเมขะละประทัง คชะเหี้ยมกระเหิมหาญ
แสร้งเสกสราวุธะประดิษฐ์ กละคิดจะรอนราญ
รุมพลพหลพยุหปาน พระสมุทรทะนองมา
หวังเพื่อผจญวะระมุนิน- ทะสุชินะราชา
พระปราบพหลหยุหะมา- ระเมลืองมลายสูญ
ด้วยเดชะองค์พระทศพล สุวิมลไพบูลย์
ทานาทิธรรมะวิธิกูล ชนะน้อมมโนตาม
ด้วยเดชะสัจจะวะจะนา และนมามิองค์สาม
ขอจงนิกรพละสยาม ชยะสิทธิทุกวาร
ถึงแม้จะมีอริวิเศษ พละเดชะเทียมมาร
ขอไทยผจญพิจิตะผลาญ อริแม้นมุนินทร
หลังการสวดมนต์ก่อนนอนทุกครั้งต้องอย่าลืมแผ่เมตตา และอุทิตส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้อื่น เพราะการสวดมนต์ด้วยความตั้งใจนั้นจะก่อให้เกิดบุญบารมีแก่ผู้สวด และการเผื่อแผ่บุญบารมีต่างๆ ให้กับผู้อื่นนั้นถือว่าเป็นไปตามหลักเมตตาของศาสนาพุทธอีกด้วย ซึ่งบทแผ่เมตตานั้นมีหลายบทสวด ซึ่งจะใช้ตามความเหมาะสมที่แตกต่างกัน แต่หลังจากสวดมนต์ก่อนนอนการสวดแผ่เมตตาให้ตัวเอง รวมไปถึงการสวดแผ่เมตตาให้ผู้อื่นก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าต้องการสวดแผ่เมตตาบทอื่นๆ ก็สามารถทำได้
จะเห็นได้ว่าบทสวดมนต์ก่อนนอนนั้นล้วนกล่าวถึงแต่เรื่องที่ดี อีกทั้งยังส่งผลดีแก่ผู้สวด ไม่ว่าจะเป็นในแง่มุมของการสร้างสมาธิ สร้างสติ สร้างความสงบให้ตัวเอง หรือสวดเพื่อเป็นการเสริมสิริมงคล หรือปัดเป่าความโชคร้ายต่างๆ ที่เข้ามา แต่สิ่งที่ต้องระลึกเสมอในการสวดมนต์ก่อนนอนคือต้องมีความตั้งใจที่ดีในการสวด และสวดมนต์บทต่างๆ เหล่านั้นอย่างตั้งใจ
ที่มาภาพประกอบ :