6 ประเภทรางน้ำฝนที่ต้องเข้าใจก่อนติดตั้ง

เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน ร่างกายพาลจะเป็นหวัด แต่ที่ห่วงกว่าก็คือบ้านของเรารองรับฝนที่ตกลงมาได้ขนาดไหน เกิดฝนเทลงมาในฤดูร้อน จะมีรางรองรับให้น้ำฝนไปลงในที่ที่เหมาะสมหรือไม่ หากใครกำลังมีคำถามนี้ในใจและคิดที่จะเปลี่ยนรางน้ำฝน หรือจะติดรางน้ำฝนใหม่ ต้องทำความเข้าใจเรื่องประเภทของรางน้ำฝนกันก่อนนะครับว่ามีกี่ประเภท เหมาะกับการใช้งานแบบไหน และมีอายุกี่ปี เรามาดูรางน้ำฝนแต่ละประเภทกันครับ

1. รางน้ำฝนสังกะสี

รางน้ำฝนสังกะสี เป็นรางน้ำฝนที่ทำมาจากสังกะสี เป้นรางน้ำฝนที่นิยมใช้กันมาตั้งแต่ในอดีตและมีราคาถูก ทำให้หาช่างติดตั้งได้ง่าย โดยเราอาจจ้างช่างเหล็กมาทำ เพียงนำแผ่นเหล็กสังกะสีมาพับหรือม้วนกลมและเชื่อมรอยต่อเพื่อทำเป็นรางน้ำฝนเท่านั้นก็นำมาติดตั้งได้แล้วครับ สำหรับความหนานั้นแนะนำว่าควรจะเลือกที่มีความหน้า 0.5 มิลลิเมตรขึ้นไป 

ด้วยความที่เป็นสีงกะสีจึงอาจเกิดสนิมได้ง่าย แถมยังไม่สวยงามเพราะอาจเห็นโครงรับราง ที่สำคัญอาจมีจุดรั่วซึมได้จากรอยต่อของสังกะสี เนื่องจากแผ่นสังกะสีมักมีความยาวจำกัดนั่นเองครับ สำหรับอายุการใช้งานมักจะอยู่ที่ประมาณ 5 ปีขึ้นไปครับ

2. รางน้ำฝนไวนิลสำเร็จรูป

รางน้ำฝนไวนิลสำเร็จรูป เป็นรางน้ำฝนยอดนิยมในยุคปัจจุบันที่นิยมใช้กันมากที่สุด ซึ่งทำมาจากไวนิลเป็นโพลิเมอร์สังเคราะห์ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติพิเศษกว่าโพลิเมอร์หรือพลาสติกทั่วไป มีความแข็งแรง ไม่ลามไฟ ทนต่อทุกสภาพอากาศ หาซื้อง่าย แถมยังติดตั้งได้ง่าย ทำงานได้ทันดี มีดีไซน์สวยงาม

ในส่วนข้อต้องระวังก็คืออาจมีสีและขนาดที่จำกัด เพราะเป็นแบบสำเร็จรูป อีกทั้งแม้จะติดตั้งง่าย แต่หากช่างไม่ชำนาญก็มีปัญหาได้ครับ ในส่วนของราคานั้นต้องบอกว่าราคาไม่แพง สูงกว่าแบบสังกระสีเล็กน้อย แต่มีอายุการใช้งานถึง 10 ปีขึ้นไปเลยล่ะครับ

3. รางน้ำฝนเหล็กเคลือบอลูซิงค์หรือเหล็กชุบกัลวาไนซ์ 

รางน้ำฝนเหล็กเคลือบอลูซิงค์หรือเหล็กชุบกัลวาไนซ์ รางน้ำฝนประเภทนี้เป็นรางเหล็กที่เคลือบด้วยอลูซิงค์หรือกัลวาไนซ์ เพื่อป้องกันสนิม มีความแข็งแรง น้ำหนักเบา ที่สำคัญสวยงามสามารถนำมาทำสีให้เข้ากับสไตล์บ้านของเราได้ด้วย ไม่เพียงเท่านั้นยังไม่ต้องกังวลเรื่องรอยรั่ว เพราะรางน้ำฝนเหล็กเคลือบอลูซิงค์หรือเหล็กชุบกัลวาไนซ์นั้นจะเชื่อมต่อกันด้วยวิธีการรัด Clamp และมีการซีลยาง ทำให้ติดตั้งง่ายและสะดวก

ในส่วนข้อที่ต้องคำนึงก็คือมีราคาค่อนข้างสูง หาซื้อยาก หากหาซื้อได้ก็อาจเสี่ยงที่อาจจะได้รางน้ำฝนคุณภาพน้ำมาได้ด้วย สำหรับอายุการใช้งานนั้นมีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปีครับ แม้ภาพรวมอาจราคาถูกกว่ารางสแตนเลส แต่ถ้าเทียบกับอายุการใช้งานแล้ว ราคารางน้ำฝนแบบสแตนเลสอาจถูกกว่าก็ได้นะครับ

4. รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาส

รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาส คือรางน้ำฝนที่ทำจากไฟเบอร์กลาส ซึ่งเป็นเส้นใยของแก้วที่ปั่นให้เป็นเส้นละเอียด ทำให้มีความแข็งแรง ทรทาน ทนแรงดึงได้สูง ไม่เป็นสนิม และทนต่อการกัดกร่อน นอกจากนั้นยังมีน้ำหนักเบา สามารถเชื่อมรอยต่อให้เป็นเนื้อเดียวกันได้

ในส่วนข้อควรระวังก็คือควรใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญ เพราะการตัดวัสดุปละการเชื่อมต่อรางน้ำฝนนั้นจะต้องทำหน้างาน ทำให้น้ำยาอาจเป็นอันตรายกับร่างกายได้ครับ หากทำโดยผู้ไม่ชำนาญ สำหรับราคานั้นถือว่าราคาพอๆ กับสแตนเลส แต่ถูกกว่าสแตนเลสเล็กน้อย โดยมีอายุการใช้งานประมาณ 20 ปีครับ

5. รางน้ำฝนสแตนเลส

รางน้ำฝนสแตนเลส เป็นรางน้ำฝนที่ทำจากสแตนเลส มีความคงทนสูง ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสนิม ซึ่งเกรดสแตนเลสที่ใช้กันในอยู่ 2 เกรด ได้แก่ รางน้ำฝนสแตนเลสพื้นฐาน 201 และรางน้ำฝนสแตนเลส 304 ซึ่งดีกว่าเพราะทนกรด ทนด่าง ทำให้เหมาะกับการใช้งานร่วมกับน้ำฝนได้ สำหรับการติดตั้งนั้นควรจะหาช่างที่เชี่ยวชาญและใช้อุปกรณ์ติดตั้งเป็นสแตนเลสเหมือนกันด้วยครับ

ในส่วนของข้อควรระวังของรางสแตนเลสนั้นก็คือรอยรั่วที่เกิดจากรอยต่อของแผ่นสแตนเลสเช่นเดียวกับสังกะสี อีกทั้งอาจไม่สวยงาม เพราะจะเห็นโครงรับรางและพื้นผิวที่มันวาวอาจไม่เข้ากับบ้านได้ เมื่อพูดถึงอายุการใช้งานแล้วถือว่าอายุการใช้งานยาวนานอาจถึง 20 ปีได้เลยล่ะครับ แต่ราคาก็ต้องยอมรับว่าสูงไม่น้อยเลยครับ

6. รางน้ำฝนแบบพิเศษ

นอกจากรางน้ำฝนประเภทหลักๆ ทั้ง 5 ประเภทแล้วยังมีรางน้ำฝนแบบพิเศษอย่าง รางน้ำฝนแบบสั่งทำพิเศษ ซึ่งเป็นรางน้ำฝนที่สั่งทำพิเศษขึ้นมา เพื่อให้เหมาะกับบ้านของเราโดยเฉพาะ เช่น รางน้ำฝนที่ขนาดไม่ตรงตามมาตรฐาน เพราะเรามาต่อเติมบ้านทีหลัง 

รวมถึงรางน้ำฝนแบบซ่อนในหลังคา เพราะบ้านเราที่มีหลังคาขนาดใหญ่ จึงต้องลดแรงเทจากความลาดชันของหลังคาลง เป็นต้นครับ

ไม่เพียงแต่ประเภท การใช้งาน ราคา และอายุการใช้งานของรางน้ำฝนเท่านั้นที่เราจะต้องทำความเข้าใจ แต่ต้องดูขนาดความกว้างกับหลังคาของเราด้วยนะครับว่าแบบไหนถึงจะเหมาะ เพื่อที่เราจะได้ติดตั้งรางน้ำฝนครั้งเดียวได้สบายใจยาวๆ ได้หลายปี