ระแนงบังแดด ช่วยลดความร้อนที่ผ่านเข้ามาในตัวบ้าน มีความสวยงามในงานสถาปัตยกรรมและบอกเล่าเรื่องราวทางสุนทรียภาพด้วยรูปทรงตามสไตล์เรขาคณิต บทความนี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกวัสดุและติดตั้งไม้ระแนงได้อย่างเหมาะสม คงทน มีอายุการใช้งานยาวนานด้วยวิธีง่ายๆ และใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า
ด้วยลวดลายของไม้ระแนง จะช่วยให้บ้านดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น และยังสามารดดัดแปลงรูปทรง หรือโครงสร้างต่าง ๆ ของไม้ จึงทำให้เข้ากันกับอาคาร สำนักงาน หรือที่พักอาศัยได้เป็นอย่างดี โดยจุดเด่นสำคัญอย่างหนึ่งของไม้ระแนงนั้นคือ ไม่อับทึบ เมื่อนำไปติดตั้งในส่วนต่างๆ จะทำให้เกิดความสว่าง อากาศถ่ายเทสะดวก ให้ความสวยงาม อีกทั้งนำมากั้นแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน เพื่อใช้เป็นมุมส่วนตัว มุมนั่งเล่น หรือมุมทำงาน และช่วยลดแสงแดดที่ผ่านเข้ามาในตัวบ้านให้น้อยลงได้
ระแนงถือเป็นตัวเลือกยอดนิยมในการตกแต่งทางสถาปัตยกรรม ช่วยในเรื่องความสวยงามจากลวดลายของวัสดุที่นำมาใช้ โดยระแนงแบ่งเป็น 3 ประเภทด้วยกันตามส่วนผสม ดังต่อไปนี้
1. ระแนงเนื้อไม้แท้ เป็นวัสดุที่กลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุดเมื่อเทียบกับระแนงเนื้ออื่นๆ โดยการติดตั้งภายนอกจะใช้ไม้ที่มีขนาดใหญ่ เช่น ไม้แดง ไม้เต็ง หรือไม้มะค่า เพื่อให้มีความทนทานต่อสภาพอากาศ ส่วนภายในตัวอาคารหรือบ้าน จะใช้ไม้ที่มีขนาดเล็ก และราคาที่ถูกกว่า เช่น ไม้เบญจพรรณ หรือไม้รกฟ้า โดยตัวไม้นั้นมีคุณค่าในหลายๆ ด้าน จึงทำให้มีราคาสูง ติดตั้งยาก และต้องดูแลเป็นอย่างดี ราคาของระแนงเนื้อไม้แท้จะอยู่ที่ 100-700 บาทต่อแผ่น
2. ระแนงเนื้อไม้เทียม แบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน คือ
ไม้ผสมไฟเบอร์ซีเมนต์ นิยมนำมาตกแต่ง เนื่องจากสามารถสั่งตัดลงสีได้ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน หาซื้อง่ายและราคาถูก แต่ตัวไม้ชนิดนี้ต้องเลือกยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน มีน้ำหนักค่อนข้างมาก และตัววัสดุมีความร้อนสูงเมื่อถูกแดด ราคาต่อแผ่นอยู่ที่ 50-100 บาท อีกแบบหนึ่งคือ ไม้ผสมพลาสติก จะมีอายุการใช้งานที่สั้น แต่สามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้ น้ำหนักเบา ทนความชื้น ป้องกันแมลง และมีสีของตัวไม้เอง หากใช้ไปนานๆ สีของไม้จะซีดลง แตกต่างจากไม้จริง และราคาสูง โดยขายต่อแผ่นอยู่ที่ 200-1,000 บาท
3. ระแนงเนื้อโลหะ วัสดุมักทำมาจากเหล็ก อลูมิเนียม และสเตนเลส มีความทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน ไม่จำเป็นต้องดูแลมาก สามารถออกแบบได้ แต่ใช้ได้ในงานออกแบบบ้านบางกรณี ไม่มีลวดลายไม้เหมือนระแนงเนื้ออื่นๆ และราคาถูก ตกแผ่นละ 120-200 บาท
ระแนงที่ดี คือระแนงที่ตอบจุดประสงค์ของผู้ต้องการติดตั้ง โดยเรื่องสำคัญก็คือการบังแดด ก่อนการวางระแนง อย่างแรกคือการควรตรวจสอบทิศทางของแสงแดดว่ามาจากทิศใดก่อน โดยแต่ละฤดูกาลมีช่วงเวลา และความร้อนที่ส่องมาจากดวงอาทิตย์ต่างกัน ซึ่งปกติแสงจะเกิดขึ้นทางทิศตะวันออก ผ่านทิศใต้ และมาทิศตะวันตก
การบังแดดในช่วงครึ่งเช้าทางทิศตะวันออก ควรทำระแนงบังแดดบนประตูหรือหน้าต่าง เพื่อให้ผู้อาศัยได้สัมผัสอากาศ และแสงแดดในยามเช้า
ต่อมาคือทิศใต้ ซึ่งเป็นช่วงที่แสงเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว ควรใช้ระแนงแนวตรงบังผนังยื่นออกมาจากตัวบ้าน เพื่อป้องกันแสงตกกระทบ และให้ล้อไปกับดวงอาทิตย์
สุดท้ายคือทิศตะวันตก เป็นมุมที่ได้รับแสงแดดมากที่สุด ระแนงจึงควรเป็นแนวนอนทั้งแบบเรียงกัน หรือแบบซ้อนเกล็ดตามจุดที่ได้รับแสง ส่วนทิศเหนือไม่จำเป็นต้องติดตั้ง เนื่องจากแสงไม่ได้ส่องผ่านมากนัก
ด้วยตัวของระแนงถูกออกแบบมาให้มีการเรียงตัวของวัสดุอย่างเป็นระเบียบ ทั้งแบบแนวตั้ง แนวนอน ซ้อนเกล็ด หรือแบบอื่นๆ ที่คงช่องว่างเอาไว้เท่ากันเสมอ คล้ายแนวเรขาคณิต จึงทำให้บ้าน อาคาร และสำนักงานดูเป็นระเบียบ
ด้วยการจัดเรียงแบบนี้ จึงทำให้นิยมไปวางเป็นรั้ว เพื่อป้องกันสายตาจากบุคคลภายนอก ติดผนังช่วยให้พื้นที่ไม่มืดทึบ มีช่องระบายอากาศ หรือตกแต่งสวนให้เป็นระแนงกั้นแสง และจัดสัดส่วนให้พื้นที่ นอกจากนี้ยังสามารถนำอุปกรณ์ตกแต่ง วางสวนขนาดเล็ก ใช้ผ้าติดเพื่อพลางตาได้
ก่อนเริ่มต้นทำไม้ระแนง ควรตรวจสอบพื้นที่วางระแนง เนื้อไม้ที่จะนำมาใช้ และวางในรูปแบบใด โดยมีอุปกรณ์ที่สำคัญคือ โครงของระแนงต้องแข็งแรง และทำการวัดระยะในการใส่ไม้ระแนงเรียบร้อยแล้ว หากคำนวนผิดจะทำให้ไม้ระแนงเรียงไม่เท่ากัน ส่วนถัดมาคือ ไม้ระแนงต้องมีประสิทธิภาพในงานนั้น ๆ หากใช้ไม่ถูกต้องกับงานจะทำให้อายุการใช้งานสั้นลงได้ และส่วนสุดท้ายคืออุปกรณ์งานช่าง ได้แก่ ตลับเมตร ดินสอ ตะปู เลื่อยองศา ปืนตะปูลม และสีเคลือบต่างๆ โดยรวมจะใช้งบประมาณ 700-3,000 บาท จะได้ระแนงไม้เทียมที่มีความสูง 1 เมตร กว้าง 1 นิ้ว และเว้นช่องระหว่างไม้ 1 เซนติเมตร จำนวน 2 แผ่น
ปัจจุบัน ไม้ระแนงมีการดัดแปลงมากขึ้นในเชิงการตกแต่งบ้าน เช่น ทำป้ายไม้ระแนงเคลือบสี นำกระเบื้องมาติดระหว่างไม้ระแนงในงานบนผนัง เพื่อเพิ่มพื้นที่วางต้นไม้ หรือไม้ระแนงเก่าที่ยังคงสภาพดีอยู่นำมาทำเก้าอี้ โต๊ะ หรือกระถาง
ไม้ระแนงจะมีความคงทนได้นั้น มีองค์ประกอบในหลายๆ ด้าน อันได้แก่ สภาพแวดล้อม ส่วนผสม และวัสดุที่ใช้ ไปจนถึงการติดตั้ง โดยสามารถแบ่งเป็น 2 วิธีคือ
1. การบำรุงรักษา วัสดุที่ผ่านกระบวนการทางโรงงานมาหลายขั้นตอนทั้งระแนงเนื้อเทียม เนื้อโลหะ และเนื้อไม้แท้ต้องได้รับการดูแลไม่ต่างกัน คือการทายาเคลือบสีและยากันปลวกให้กับเนื้อไม้และเนื้อเทียม หากเป็นเนื้อโลหะควรทาสี และเคลือบน้ำยากันสนิม ในระยะ 1-2 ปีหลังจากติดตั้ง
2. การทำความสะอาด ควรทำ 1-2 ครั้งต่อเดือน เพื่อให้วัสดุไม่มีสิ่งสกปรกตกค้าง โดยใช้น้ำยาที่เหมาะสมกับเนื้อระแนงแต่ละชนิด ควรระวังระแนงเนื้อเทียม และเนื้อโลหะ หากขัดรุนแรงเกินไปจะทำให้เนื้อชั้นนอกหลุด หากเป็นไปได้ควรใช้น้ำฉีด และอย่าให้เกิดน้ำขัง
การใช้ระแนงบังแดด จำเป็นต้องศึกษาชนิดของวัสดุ ทิศทางของแสงแดดที่ส่องลงมายังตัวบ้าน เพื่อช่วยให้ลดความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งสร้างความสวยงามให้กับอาคาร สำนักงาน หรือที่พักอาศัยให้ดูมีระเบียบ