7 เคล็ดลับทำความสะอาดห้องครัวต้อนรับเทศกาลกินเจ

เทศกาลกินเจในประเทศไทยจัดขึ้นเป็นประจำในทุกปี พอถึงช่วงเทศกาลกินเจจำเป็นต้องชำระร่างกายให้สะอาดบริสุทธิ์ ด้วยการล้างท้องนั่นคือกินเจล่วงหน้า 1 วัน ล้างใจคือทำจิตใจให้ผ่องใส และที่สำคัญหรือล้างทำความสะอาดบ้านตลอดจนเครื่องใช้ในครัวเพื่อใช้ใส่อาหารเจโดยเฉพาะ แต่การล้างทำความสะอาดครัวเพื่อต้อนรับเทศกาลกินเจนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจุกจิก เพราะมีทั้งคราบฝังแน่น และความสกปรกจากการใช้งานที่หมักหมมมาตลอดปี แต่ 7 เคล็ดลับทำความสะอาดต่อไปนี้ช่วยได้นะ  

1.คัดแยกเครื่องปรุงในห้องครัว

อันดับแรกในการทำความสะอาดต้องคัดแยกเครื่องปรุงประเภทที่ใช้สำหรับอาหารเจ และประเภทเนื้อสัตว์ออกจากกัน เพื่อความสะดวกในการใช้งานระหว่างเทศกาลกินเจได้อย่างเหมาะสม 

2.แยกภาชนะที่ต้องล้าง

เพื่อความสะอาดและความสะดวกในการขนย้ายอุปกรณ์เครื่องครัว ควรแยกประเภทแก้ว จานชาม หม้อ ช้อน ออกจากกันแล้วนำมาล้างทำความสะอาดโดยเริ่มจากภาชนะที่สกปรกน้อยไปมาก ผู้ที่เคร่งครัดในการกินเจจะไม่นำภาชนะที่ใส่เนื้อสัตว์มาใช้ปะปนกัน ฉะนั้นต้องนำมาล้างทำความสะอาดก่อนนำไปใช้งาน 

3.กำจัดคราบมันบนผนัง

เตรียมน้ำส้มสายชู 1 ส่วน และน้ำอุ่น 2 ส่วน ผสมกัน อาจเติมน้ำยาล้างจานเพียงเล็กน้อยนำไปฉีดพ่นบริเวณผนังกระเบื้องในห้องครัว ทิ้งไว้สักพักแล้วใช้ฟองน้ำเช็ดออก รับรองว่าคราบเขม่าควัน คราบน้ำมันกระเด็นติดผนังจะหายไปในพริบตา 

4.เคลียร์ตู้เย็นให้สะอาด

ก่อนจะจัดซื้อวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารเจ ต้องเคลียร์ตู้เย็นพื้นที่สำหรับจัดเก็บรักษาอุณหภูมิให้สะอาดปราศจากเนื้อสัตว์เสียก่อน และถือโอกาส Big Cleaning เพื่อลดความเหม็นอับตู้เย็นไปในตัว นอกจากนำอุปกรณ์ในตู้ออกมาล้างแล้ว อย่าลืมเปิดประตูตู้เย็นทิ้งไว้เพื่อลดกลิ่นอับภายใน

5.ขัดก้นกระทะให้หมดจดแบบไม่เปลืองแรง

เพียงเบกกิ้งโซดาและน้ำร้อนก็สามารถขจัดคราบฝังแน่นที่ติดตามก้นกระทะได้อย่างหมดจด ไม่เปลืองแรงขัด เพียงเทน้ำอุ่น 1 ส่วน ผสมเบกกิ้งโซดา 3 ส่วนทาทิ้งไว้บริเวณที่มีคราบเหนียว คราบสกปรกฝังแน่น หากกระทะใบนั้นสกปรกเกินเยียวยาสามารถแช่ลงไปทั้งกระทะได้เลย แล้วทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนนำมาล้างตามปกติ

6.ขจัดความมันจากภาชนะพลาสติก

กล่องพลาสติก จาน ชามพลาสติกเมื่อนำมาใส่อาหารประเภทเนื้อสัตว์ย่อมมีคราบมันและล้างออกได้ยาก เพราะผิวพลาสติกเมื่อถูกไขมันยิ่งทำให้ลื่น แต่สามารถล้างออกได้ด้วยการนำไปแช่ในน้ำอุ่นที่ผสมเบกกิ้งโซดาเพื่อขจัดคราบมัน แล้วล้างออกตามปกติ วิธีนี้จะช่วยให้กล่องพลาสติก เครื่องครัวพลาสติกหายมันอย่างง่ายดาย แต่ถ้าบ้านไหนไม่มีเบกกิ้งโซดาติดครัวไว้ก็ใช้มะนาวถูแทนได้เช่นกัน 

7.จัดบ้านให้โล่ง

การจัดบ้านให้โล่งจะช่วยทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกไม่อึดอัด โดยเน้นให้บริเวณหน้าบ้านสะอาดอยู่เสมอ ชาวจีนเชื่อว่าการทำความสะอาดบ้านก็เปรียบเสมือนการขับไล่สิ่งไม่ดี หน้าบ้านสะอาดก็จะช่วยนำความมงคลมาสู่ผู้อยู่อาศัยตลอดเทศกาลกินเจปีนี้ 

ตลอดเทศกาลกินเจอาหารหลักก็คือ “ผัก” แต่ในยุค New Normal เช่นนี้ หลายคนอาจไม่สะดวกใจในการออกไปซื้อผักสดแบบรายวัน จึงนิยมซื้อมาครั้งเดียวแล้วกักตุนไว้ในบ้าน อยากให้ผักสดนานตลอดเทศกาลกินเจ มาดูวิธีเก็บรักษาความสดต่อไปนี้ดีกว่า 

• แยกประเภทผักที่จะจัดเก็บ

ใช่ว่าผักทุกชนิดจะสามารถยัดเข้าตู้เย็นเพื่อรักษาความสดใหม่ได้เสมอ ก่อนอื่นต้องรู้จักผักแต่ละชนิด ว่าชนิดใดชอบความเย็น ชนิดใดสามารถนำไปแช่น้ำเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาได้ เมื่อทราบแล้วต้องทำการแยกทันที ที่สำคัญอย่าลืมคัดเลือกใบที่เสียออกด้วย 

• ล้างผักและผึ่งให้แห้ง

ผักที่พึ่งซื้อมาจากตลาดสดส่วนใหญ่ล้วนยังไม่ผ่านการทำความสะอาด เสียเวลาล้างผักแล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำสักนิดก่อนนำไปจัดเก็บ จะช่วยให้ผัดสดนาน และน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น จะดีที่สุดหากล้างผักโดยการเปิดให้น้ำไหลผ่าน วิธีนี้จะช่วยลดสารเคมีที่ปนเปื้อนมากับผักได้อย่างดี ก่อนเข้าตู้เย็นควรบรรจุในถุงพลาสติก หรือกล่องสำหรับจัดเก็บ

• ผักที่เน่าเสียง่าย

ไม่ว่าจะเป็นชะอม ถั่วงอก ผักชี รวมถึงเห็ด ควรเก็บแยกในถุงที่สะอาดและแห้งก่อนนำไปแช่ตู้เย็น พืชผักชนิดนี้มีอายุไม่ยืนยาว ยังไงก็ต้องเน่าเสียภายใน 3-5 วัน ฉะนั้นเก็บแยกถุงไว้เพื่อป้องกันการเน่าจะปะปนกับผักชนิดอื่น 

• ไม่ควรนำผักและผลไม้มาเก็บปะปนกัน 

หลายคนอาจไม่ได้สังเกตว่าการเก็บผักและผลไม้ไว้ร่วมกันจะทำให้ผักนั้นเน่าเสียง่ายกว่าปกติ นั่นเพราะผลไม้ที่สุกแล้วจะปล่อยก๊าซเอธิลีนออกมา ดีที่สุดคือการเก็บแยกชั้น

• ผักประเภทหัวควรตัดใบทิ้ง

การตัดใบของพืชประเภทหัวทิ้งจะช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บ ที่สำคัญการตัดใบจะช่วยให้ผักคงความหวานได้นาน และจะดีที่สุดหากห่อด้วยฟิล์มถนอมอาหารเพื่อรักษาสี และผิวภายนอก 

 

นอกจากการเตรียมความพร้อมดังกล่าวแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องจัดเตรียมในเทศกาลกินเจคือความพร้อมของคนในครอบครัว ต้องไม่กระทบต่อวิถีชีวิตของสมาชิกครอบครัวที่ไม่กินเจจนกลายเป็นการเบียนเบียนบุคคลอื่น ทั้งนี้ผู้ที่จะกินเจควรประเมินความพร้อมด้านสุขภาพร่างกายของตนว่าพร้อมหรือไม่ เพราะบางคนร่างกายอาจจะแพ้โปรตีนถั่ว นม หรือพืชผักผลไม้ชนิดอื่น ดังนั้นหากสามารถทำใจ กาย คนในครอบครัวให้พร้อมได้แล้วการกินเจนั้นจึงจะเป็นกุศลสูงสุด