HIGHLIGHTS
หลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินหรือผ่านหูผ่านตามาบ้างกับคำว่า Co-working Space แต่ที่แท้จริงมันคืออะไรกันแน่ แล้วแต่ละที่มีความแตกต่างกันอย่างไร วันนี้ Baania ได้รวบรวม Co-working Space แนวรถไฟฟ้าบีทีเอสมาไว้ที่นี่แล้ว
มาทำความรู้จักกับ Co-working Space
Co-working Space คือ พื้นที่ทำงานสำหรับทุกคน ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร มาจากประเทศไหน หรือบริษัทอะไร ก็สามารถที่จะมีพื้นที่ทำงานได้ ไม่ว่าคุณจะต้องการพื้นที่ทำงานคนเดียว แบบกลุ่ม การนัดประชุม หรือการจัดอีเว้นท์ต่างๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะในปัจจุบัน Co-working Space มีทุกอย่างตามที่คุณต้องการ
โดยปกติ Co-working Space จะมีอุปกรณ์เครื่องใช้ขั้นพื้นฐานไว้ให้เหมือนกับที่สำนักงานทั่วไป อาทิ อินเทอร์เน็ต, ปริ้นท์เตอร์, เครื่องถ่ายเอกสาร, สแกนเนอร์, จอโปรเจคเตอร์ นอกจากนี้ บางทีอาจมีพื้นที่ครัวเล็กๆ สำหรับเครื่องดื่ม ชา กาแฟ ของว่าง ไว้รับรองอีกด้วย ซึ่งการให้บริการของแต่ละที่จะมีความแตกต่างกันไป ถือเป็นการแข่งขันด้านบริการของ Co-working Space ในปัจจุบัน
Co-working Space ดีอย่างไร?
ประหยัดค่าใช้จ่าย
สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น ถ้ามีความจำเป็นที่ต้องใช้สถานที่ในการทำงาน แต่ถ้าต้องไปเช่าสำนักงานสักแห่ง และต้องทำสัญญาเช่า การลงทุนในส่วนนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นการเลือกใช้ Co-working Space สามารถตอบโจทย์ในส่วนนี้ เพราะว่าเราสามารถเช่าได้ทั้งรายวันและรายเดือน ไม่ต้องมีเรื่องสัญญาระยะยาวมาผูกมัดให้กวนใจ
คุณอาจได้เพื่อนใหม่ๆ
เนื่องจากสถานที่ทำงานแบบนี้จะสามารถดึงดูดคนที่ทำงานอาชีพอิสระ หรือผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีไอเดียใหม่ๆ ไฟแรง แต่ไม่ชอบความจำเจที่จะต้องนั่งอยู่ในออฟฟิศ หรือร้านกาแฟเดิมๆ ก็หันมาทำที่ Co-working Space ด้วยบรรยากาศที่เหมาะกับการทำงานมากกว่าร้านกาแฟที่เวลาลุกไปเข้าห้องน้ำก็ต้องคอยระวังทรัพย์สิน หรือถ้านั่งทั้งวันก็จะโดนจับตามองจากพนักงานหรือลูกค้ารายอื่นๆ ที่สำคัญ Co-working Space มักจะแวดล้อมไปด้วยคนหลากหลายอาชีพ ทำให้คุณสามารถแลกเปลี่ยนความคิดกับคนอื่นๆ ซึ่งคุณอาจจะได้เพื่อนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ และมุมมองใหม่ๆ ในการทำงาน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับงานของคุณอีกด้วย
รายละเอียดและราคาของ Co-working Space
Baania ได้รวบรวมที่ตั้งของ Co-working Space แนวรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว (หมอชิต-แบริ่ง) ในระยะ 500 เมตร ของแต่ละสถานี มีทั้งหมด 24 ร้าน ราคาเริ่มต้นเพียงวันละ 150 บาท ซึ่งแต่ละร้านมีสิ่งอำนวยความสะดวกและราคาดังนี้
ราคาคอนโด VS Co-working Space แนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-แบริ่ง)
Baania ได้วิเคราะห์ถึงเทรนด์ของการลงทุนเปิด Co-Working Space ว่าเป็นธุรกิจที่มาแรงและน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เราเกิดข้อสงสัยว่า ราคาคอนโด และ Co-working Space มีส่วนที่สัมพันธ์และเกี่ยวข้องกันอย่างไร?
เราเลือก Co-working Space ในแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-แบริ่ง) เนื่องจากมีการกระจุกตัวของ Co-working Space ค่อนข้างสูง รถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือ รถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา หรือ ที่เรารู้จักกันในชื่อ รถไฟฟ้า BTS ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2542 จำนวน 2 สาย ได้แก่ สายสุขุมวิท และสายสีลม
เราลองมาดูข้อมูลภาพรวมคอนโดมิเนียม เฉพาะ สายสุขุมวิท ก่อน ซึ่งสายสุขุมวิทมีความยาว 17 กม. รวม 17 สถานี เริ่มจากสถานีหมอชิตจนถึงสถานีอ่อนนุช และต่อมาในปี 2554 สายสุขุมวิทเปิดให้บริการ ส่วนต่อขยายเพิ่มอีก 5 กม. รวม 5 สถานี จากสถานีอ่อนนุชถึงสถานีแบริ่ง
เราพบว่า ยิ่งสถานีที่มีราคาค่าเฉลี่ยของคอนโดแพง ก็ทำให้ค่าเช่ารายวันของ Co-working Space แพงตามไปด้วย ซึ่งเป็นการแปรผันไปในทิศทางเดียวกันกับราคาของอสังหาริมทรัพย์ในแต่ละสถานีนั้นๆ และการกระจุกตัวของ Co-working Space จะหนาแน่นมากที่สุดที่สถานีสยามและพระโขนง
ซึ่งสถานีที่มีค่าเช่ารายวันของ Co-working Space แพงที่สุด ได้แก่ CEO Suite - Bangkok สถานีเพลินจิต ซึ่งสอดคล้องกับราคาคอนโดมิเนียมที่แพงที่สุดอยู่ที่ 236,000 บาท/ตร.ม. และมีค่าใช้บริการ Co-working Space อยู่ที่ 500 บาทต่อวัน
แต่จะดีกว่ามั้ยหากภายในคอนโดของเรามี Co-working Space เอง นั่นหมายความว่า เราไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ทั้งยังปลอดภัย สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชม. และที่สำคัญประหยัดค่าใช้จ่ายรายวัน และการเดินทางอีกด้วย Baania ขอแนะนำโครงการที่อยู่อาศัยที่มี Co-working Space ในตัวดังนี้
RECOMMENDED PROJECT
นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง
โครงการคอนโดมิเนียม แนวรถไฟฟ้า เพียง 250 ม.จากสถานีแบริ่ง ภายใต้แนวคิด Life Charger เพื่อชีวิตคนเมืองยุคดิจิทัล โดยเสนา ดีเวลลอปเมนท์ ได้ร่วมมือกับฮันคิว ประเทศญี่ปุ่น
โดยนำนวัตกรรม “Geo Fit+” มาใช้ในการออกแบบ ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แบบห้องมีให้เลือกทั้ง 1 ห้องนอน (28 – 34.9 ตร.ม.) และ 2 ห้องนอน (48 ตร.ม.) ซึ่งแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็นสัดส่วน ตกแต่งในแนวโมเดิร์น เน้นประโยชน์การใช้งานในแบบคนสมัยใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 2.3 ล้านบาท
และสิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กัน คือ สิ่งอำนวยความสะดวกภายในคอนโด คือ Co-working Space ที่ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของโครงการที่มาพร้อมกับ Sky Lounge 270 องศา , สระว่ายน้ำ และฟิตเนสขนาดใหญ่ที่สุดในย่านแบริ่ง ร้านสะดวกซื้อภายในโครงการ อาทิ 7-11 และ Tom 'n Toms Cofee
สำหรับรายละเอียดของแนวคิด Geo Fit+ จากญี่ปุ่นซึ่งคิดค้นมาเพื่อตอบโจทย์ชีวิตได้อย่างไรนั้น อ่านได้ที่บทความนี้
เดอะ ไลน์ พหลโยธิน-ประดิพัทธ์
โครงการคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้า สถานีสะพานควาย 550 ม. จากแสนสิริ ชูจุดเด่นคือ Co-Living Space โดยฟังก์ชั่นที่ถูกออกแบบมาสำหรับคน Gen Y โดยเฉพาะ
แบบห้องมีให้เลือกทั้ง 1 ห้องนอน (26.25 – 40.75 ตร.ม.) 2 ห้องนอน (51.50 - 67ตร.ม.)และ แบบ 3 ห้องนอน (79 - 111.50 ตร.ม.) ซึ่งแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็นสัดส่วน ตกแต่งในแนวโมเดิร์น เน้นประโยชน์การใช้งานในแบบคนสมัยใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 4.1 ล้านบาท
จุดที่เราสนใจคือ Co-Working Space มีแนวคิด พื้นที่สร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ โดยพื้นที่ทำงานมาพร้อมอุปกรณ์ ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งทำงานอยู่ในบ้าน ที่มีสวนสวยเป็นวิวส่วนตัว และยังมี Meeting room ที่ให้คุณ และทีมมานั่ง Brainstorm กันในบรรยากาศสบายๆ หรือถ้าอยากจะพรีเซ้นท์ไอเดียใหม่ๆ เราก็มีห้อง Presentation Room ไว้รองรับ โดยห้องนี้ยังสามารถเปลี่ยนเป็น ห้องโฮมเธียเตอร์ เพื่อสร้างความบันเทิงหลังการทำงานได้อีกด้วย