เรื่องเทคโนโลยีในอดีตเป็นเรื่องที่ไกลตัว คนธรรมดายากจะเข้าใจ แต่ปัจุบันเรื่องไอที, แอพพิเคชั่น ผู้คนมีความเข้าใจมากขึ้น ง่ายต่อการเข้าถึง น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบันไอที กลายเป็นเช่นเงาตามตัวไปทุกที่ ทีมงาน Baania ได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณวิโรจน์ เย็นสวัสดิ์ ที่นำเทคโนโลยี มาผสมผสานกับธรรมชาติและวิถีทางการดำเนินชีวิตแบบดั้งเดิม ภายใต้โครงการ Oon IT Valley ที่มีกำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2559 ไว้น่าสนใจหลากหลายมุมมอง
พัฒนาคน-พัฒนางาน สร้างคุณภาพชีวิต
โครงการ Oon IT Valley อยู่บนพื้นที่ประมาณ 90ไร่ โดยแบ่งพื้นที่กว่า 2000 ตารางเมตร ไว้สำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ให้เช่าหรือขายพื้นที่เหมือนนิคมอุตสากรรมซอฟต์แวร์ แต่เป็นธุรกิจขององค์กร โดยเปิดช่องให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีมุมมอง, ความคิด-วัฒนธรรมลักษณะคล้ายกันให้เข้ามาร่วมทำงาน หรือร่วมตั้งบริษัทขึ้น เน้นเรื่องการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ที่ราคาไม่แพง เพราะต้นทุนการดำเนินการต่ำกว่าบริษัทอยู่ในกรุงเทพมหานครที่มีค่าครองชีพสูง
ภายในโครงการมีที่พักและห้องอาหารให้บริการพนักงานรายล้อมด้วยธรรมชาติและภูเขาแนวคิดในการคัดเลือกคนเข้ามาทำงาน อาจไม่จ้างพนักงานจบสูงๆ เป็นพนักงานที่จบ ป.6 อดีตเคยเกเรแต่อยากปรับปรุงตัวเอง อยากเรียนรู้ แล้วสอนงานเรื่องกราฟฟิคดีไซน์ให้ประมาณหกเดือนหรือหนึ่งปี แต่มีเงื่อนไขต้องพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดนิ่ง และมีความชอบทางด้านนี้
พนักงานของที่นี้จะต้องมีคุณภาพชีวิตทีดี ไม่เปลี่ยนงานบ่อย เพราะมีจะงานตลอดเวลา เนื่องจากขายของที่มีคุณภาพแต่ราคาไม่แพง ถือเป็นการตอบโจทก์ของบริษัท และอาจมีหุ้นกับบริษัทอื่นที่มาใช้พื้นที่ในโครงการทำงานอีกประมาณร้อยละ 5-10
เชื่อมโยงโครงข่ายงานIT สู่วิถีชีวิตชาวบ้านในรูปแบบSmart Farm
นอกจากจะเป็นที่ตั้งบริษัทด้านITแล้ว มีแนวคิดใช้พื้นที่แบบ “ชม ดม กิน” คือมีศูนย์พัฒนาขีดความสามารถสู่ความเป็นเลิศ SMEs, IT Outsourcing (ITO), กลุ่มสืบสานวิถีชีวิตและวัฒนธรรมล้านนา, กลุ่มพัฒนาเกษตรนวัตกรรม หรือSmart Fram อาทิ การปลูกข้าวอินทรีย์, ผักปลอดสารพิษ
นอกจากนี้ยังมีโซน "Dutch Farm" จะมีม้าแคะกว่า 40 ตัว แกะ มีกังหัน สวนไม้ดอกไม้ประดับ พร้อมปลูกไม้หอม, ปลูกพืชผักสวนครัว รวมถึงร้านค้าชุมชนจำหน่ายสินค้าเกษตรแปรรูปอินทรีย์
หนุนSMEs ตั้งเป้าภายใน5ปี มีพนักงานครึ่งพัน
เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ทำธุรกิจ โดยบริษัทจะเปิดให้ผู้ที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจสามารถใช้ซอฟต์แวร์ได้ฟรีในระยะเวลา2ปี เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการ ช่วยให้ตั้งตัวได้ หากธุรกิจมีความเข้มแข็งก็จะเข้าสู่ระบบลูกค้า มีการจ่ายเงินตามระบบ
หากยังไม่มีความพร้อมก็สามารถแจ้งความประสงค์เพื่อพิจารณาอนุญาติให้ใช้ฟรีต่อเป็นรายๆไป หรือจะใช้ซอฟต์แวร์ของบริษัทอื่นก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด โดยซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่เกี่ยวกับระบบ บริหารงานบุคคลและระบบบัญชี โดยจะเป็นโครงการที่เปิดกว้างให้ผู้ระกอบการทั่วประเทศ
ทั้งนี้ภายใน 5 ปี ตั้งเป้ามีพนักงานประมาณ 500 คน เบื้องต้นคาดว่าจะมีรายได้ประมาณปีละ40ล้านบาทจากการเก็บค่าบริการการใช้ใช้ซอฟต์แวร์ ซึ่งเม็ดเงินดังกล่าวจะนำมาเป็นค่าใช้จ่าย บริหารโครงการ
โลกปัจจุบันแม้ไอทีจะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการดำรงค์ชีวิต แต่การนำเทคโนโลยีมาใช้ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมถือเป็นเรื่องน่าสนใจและท้าทายเป็นอย่างมาก ดังเช่นโครงการ Oon IT Valley ที่พยายามนำ 2 เรื่องมาหลอมรวมเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างความเข้มแข็ง หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างรายได้สู่ชุมชน จึงนับเป็นโครงการที่น่าจับตามองทุกช่วงก้าว ทั้งช่วง(เริ่ม)ต้นทาง, ระหว่างทาง, ไปจนถึงปลายทางความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคต