แนวโน้มการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับโครงการประเภทการใช้ที่ดินแบบผสมผสาน (Mixed Use Development) เป็นอย่างมาก โดยเปลี่ยนจากโครงการที่มีการใช้สอยแบบเดียว เช่น คอนโดมิเนียมก็มีแต่คอนโดมิเนียมอย่างเดียว ศูนย์การค้าก็มีแต่ศูนย์การค้าเท่านั้น สำนักงานก็มีแค่สำนักงานและร้านค้าเพื่อรองรับการจับจ่ายใช้สอยของพนักงานในสำนักงานเท่านั้น มาใช้ประโยชน์แบบผสมผสาน
MIXED USE คืออะไร
MIXED USE คือโครงการประเภทการใช้ที่ดินแบบผสมผสาน (Mixed Use Development) โดยเป็นโครงการที่มีประโยชน์การใช้สอยแบบผสมผสาน มีทั้งศูนย์การค้า สำนักงาน โรงแรมและที่อยู่อาศัยในโครงการเดียวกัน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ โครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่บนถนนพระราม 4 อย่างโครงการสามย่านมิตรทาวน์ โครงการวันแบงค็อก โครงการดุสิตเซ็นทรัลพาร์ค เป็นต้น
โครงการในย่านศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานครเหล่านี้เล็งเห็นประโยชน์จากการใช้ที่ดินแบบผสมผสานในแง่ของความคุ้มค่าต่อการใช้สอยพื้นที่ที่มีศักยภาพในการใช้สอยมากกว่าหนึ่งประเภท เพราะจะให้ใช้ประโยชน์เพียงอย่างเดียวก็ตอบสนองความต้องการได้ไม่ครบถ้วน อีกทั้งยังเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงไปยังการใช้สอยหลายประเภทไม่ใช่ผูกติดความสำเร็จของโครงการอยู่ที่การใช้สอยอย่างเดียว ทำให้โครงการมีความสมบูรณ์ในตัวเองตามหลักการสมดุลระหว่างแหล่งงานกับที่อยู่อาศัย (JOB AND HOUSING BALANCE) ซึ่งเป็นการสมประโยชน์ระหว่างกิจกรรมต่างๆ ที่อยู่ในโครงการเดียวกัน หน่วยธุรกิจและการค้าการบริการได้ลูกค้าและแรงงานจากที่อยู่อาศัยที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน แถมยังนำเอาปริมาณการเข้าออกของคนเหล่านี้มาเป็นข้อมูลชักจูงใจผู้เช่าพื้นที่ว่าโครงการของฉันมีคนมาใช้งานเยอะนะ ส่วนผู้อยู่อาศัยก็ได้ประโยชน์ในการจ้างงานและการจับจ่ายซื้อสินค้าต่างๆ ในพื้นที่พาณิชยกรรมและสำนักงานที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันเอง มีความสะดวกในการเดินทางระหว่างกัน ด้วยอรรถประโยชน์ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น การพัฒนาโครงการที่มีกิจกรรมผสมผสานจึงเป็นแนวทางที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ควรเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเมือง
แต่ในความเป็นจริงโครงการแบบผสมผสานเป็นยาครอบจักรวาลในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จริงหรือ คนทุกเพศทุกวัย ทุกวิถีชีวิตจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขสนุกสนานอย่างที่คาดหวังหรือไม่ คงไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก อย่างแรกที่ต้องเข้าใจคือ โครงการผสมผสานแบบนี้จะรอดได้ต้องตั้งอยู่บริเวณเขตศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเมืองเท่านั้น เพราะฐานคิดของการผสมผสานคือ ที่ดินนั้นมีศักยภาพสูงและมีมูลค่าทางเศรษฐกิจหลายอย่างพร้อมๆ กัน จะใช้ประโยชน์อย่างเดียวก็เสียโอกาสใช้อย่างอื่น และการใช้หลายนั้นไม่ขัดแย้งกันแต่สมประโยชน์ซึ่งกันและกันอย่างเหมาะสม พื้นที่ที่เหมาะกับทุกอย่างแบบนั้นไม่ได้อยู่นอกเมืองแน่นอน แต่ต้องอยู่กลางเมืองที่เข้าถึงดีและเข้าถึงได้ด้วยยานพาหนะหลากหลายประเภท เชื่อมโยงศูนย์กลางกิจกรรมอื่นๆ อย่างสะดวก แต่การใช้ที่ดินแบบผสมผสานก็ชัดเจนว่าต้องใช้ที่ดินหลากหลายประเภทมาอยู่ด้วยกัน ก็ใช่ว่าจะสมประโยชน์และสนับสนุนกันในทุกมิติไปหมด ยังไงก็ต้องมีความขัดแย้งกันอยู่บ้าง เช่น การแย่งที่จอดรถและการใช้สอยพื้นที่ส่วนกลางระหว่างผู้ใช้อาคารแตกต่างกันที่อยู่อาศัยก็ต้องการความสงบในยามค่ำคืนและวันหยุด แต่ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ศูนย์การค้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย มียานพาหนะเข้าออกวุ่นวาย มีเสียงดังอันเกิดจากกิจกรรมต่างๆ มารบกวนความสงบของที่อยู่อาศัย ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าเย็นที่คนอยู่อาศัยต้องรีบออกไปทำงานและกลับบ้าน ก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่พนักงานและผู้มาติดต่อสำนักงานเข้ามาในพื้นที่
บางคนถึงกับกล่าวว่า โครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสานเป็นโครงการแบบเป็ด จะทำอะไรก็ไม่สุดสักอย่าง จะทำพาณิชยกรรมแบบจัดคอนเสิร์ตเสียงดังถึงตีสองก็โดนส่วนพักอาศัยในโครงการเดียวกันด่า จะทำเป็นที่อยู่อาศัยชั้นดี ยูนิตขนาดใหญ่ มีความสงบสมกับการเป็นที่อยู่อาศัยชั้นดี ก็ไม่คุ้มค่าสำหรับการอยู่กลางเมืองและขัดแย้งกับการใช้งานของศูนย์การค้าและสำนักงาน บริษัทอสังหาริมทรัพย์ก็ต้องออกแบบให้กิจกรรมและอาคารแต่ละประเภทสามารถอยู่ร่วมกันในแปลงที่ดินของโครงการเดียวกันได้อย่างสะดวกควบคู่ไปกับส่งเสริมให้มีความเป็นส่วนตัวอย่างเหมาะสม จัดวางตำแหน่งอาคารต่างๆ ตามระดับของการติดต่อกับภายนอก โดยเอาพวกศูนย์การค้าและสำนักงานไว้ติดถนนใหญ่เพื่อความสะดวกในการเชื่อมโยงกับพื้นที่อื่นๆ ของเมือง ส่วนที่อยู่อาศัยอยู่ถัดเข้ามาด้านในเพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย มีความสงบและมีทางเข้าออกที่ไม่ปะปนกับกิจกรรมอื่นๆ มีพื้นที่กันชน (BUFFER AREA) ระหว่างกิจกรรมที่มีความขัดแย้งกัน
คนหนุ่มสาววัยเริ่มทำงานได้ประโยชน์จาก MIXED USE มากที่สุด
คนหนุ่มสาววัยเริ่มทำงานที่มีไลฟ์สไตล์แบบมีชีวิตชีวา ต้องการอยู่อาศัยกลางเมืองที่เดินทางไปไหนมาไหนสะดวก พอใจกับที่อยู่อาศัยขนาดเล็กแค่พอซุกหัวนอนเพราะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่นอกบ้านหรือคอนโด มีที่ทำงานใกล้ที่อยู่อาศัยแบบเดินไปทำงานได้หรือมีอาชีพอิสระที่ใช้ร้านกาแฟในศูนย์การค้าเป็นที่นั่งทำงานและนัดคุยกับลูกค้า กลับบ้านนอนดึกหน่อยเป็นเวลาที่ไม่ถูกรบกวนจากกิจกรรมสำนักงานและพาณิชยกรรมแล้ว วันเสาร์อาทิตย์ไปอยู่ศูนย์การค้าทำนู่นนี่ไปตามประสาคนรุ่นใหม่ วิถีชีวิตแบบนี้จะอยู่ในโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสานได้อย่างมีความสุข ส่วนคนที่ต้องการอยู่บ้านอย่างสงบหรือผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างกิจกรรมวุ่นวายเสียงดังตลอดทั้งวันทั้่งคืน ก็คงไม่เหมาะกับโครงการแบบผสมผสานเป็นแน่ ดังนั้นการเลือกพื้นที่ในโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสานมาเป็นสำนักงาน พาณิชยกรรม หรือที่อยู่อาศัย จึงต้องทำความเข้าใจศักยภาพและข้อจำกัดของทั้งตัวท่านเองและของโครงการ ท่านจึงจะสามารถทำธุรกิจและใช้ชีวิตในโครงการเหล่านั้นได้อย่างเหมาะสม คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป และไม่ทนทุกข์ทรมานกับลักษณะเฉพาะของโครงการแบบผสมผสานนั่นเอง
หากใครที่ต้องการที่จะหาโครงการ MIXED USE ดีๆ สามารถค้นหาได้ที่ Baania.com
เขียนโดย : รศ.ดร.พนิต ภู่จินดา
หัวหน้าภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อีเมล : [email protected]