ภาษีขายบ้าน เป็นสิ่งที่ผู้ซื้อและผู้ขายต้องทำความเข้าใจก่อนมีการซื้อขาย กัน โดยเฉพาะผู้ขายที่ต้องมีการเสียภาษีมากว่าผู้ซื้อ หรือแทบจะทั้งหมด จึงต้องมีการคำนวณภาษีที่ต้องชำระให้ถี่ถ้วน เพราะสิ่งนี้อาจจะทำให้ผู้ขายหรือเจ้าของบ้านขาดทุนจากการขายบ้านได้ เพราะอัตราภาษีที่ต้องจ่ายไม่น้อยเลยทีเดียว
วันนี้ทาง Baania จึงนำภาษีขายบ้านแบบสรุปจบครบในที่เดียวที่เจ้าของบ้านควรรู้มาฝากกัน
ภาษีขายบ้าน คือ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการซื้อขายบ้าน หรือค่าธรรมเนียมที่เราต้องชำระให้กับทางรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ประเภทต่าง ๆ โดยการคำนวณภาษีที่ต้องชำระ มาจากราคาที่ผ่านการประเมินอสังหาริมทรัพย์แล้ว
ซึ่งเป็นราคาที่ได้รับการประเมินจากภาครัฐหรือเอกชน เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการคำนวณค่าภาษีขายบ้าน และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ไม่ใช่การนำราคาขายจริงมาคำนวณ
ยกตัวอย่างเช่น
ภาษีขายบ้าน เป็นภาษีที่ต้องชำระตามกฎหมายในประกาศพระราชบัญญัติภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 จึงต้องมีการเสียภาษี ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่กำลังอยู่อาศัย หรือรวมถึงการซื้อขายบ้านด้วยเช่นกัน
หลายท่านอาจจะเกิดความสงสัยว่า ทำไมในการคำนวณเงินสำหรับเสียภาษีขายบ้านนั้น ถึงนำเอาราคาประเมินมาคำนวณ ทำไมไม่ใช้ราคาขายจริง
การซื้อขายบ้าน ผู้ซื้อและผู้ขายต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียม 4 ประเภท ซึ่งการจ่ายค่าธรรมเนียมส่วนมากจะเป็นหน้าที่ของผู้ขายเป็นหลัก หรือสามารถเจรจาตกลงกันเองได้ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ได้แก่
1. ค่าธรรมเนียมการโอน โดยต้องชำระ 2% เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์อัตราร้อยละ 2 จากราคาที่ถูกประเมินแล้ว ซึ่งค่าธรรมเนียมการโอนสามารถเจรจาต่อรองระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายได้ ว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบชำระค่าธรรมเนียมการโอน ทั้งนี้จึงขึ้นอยู่กับการตกลงของทั้งคู่ หรือจะใช้วิธีการจ่ายคนละครึ่งก็ได้ หรือคนละ 1% ก็ได้
2. ค่าอากรแสตมป์ โดยต้องชำระ 0.5% ของราคาซื้อขาย หรือผู้ขายจะเสีย 1 บาท ทุก ๆ 200 บาท สำหรับค่าธรรมเนียมในส่วนนี้ ผู้ขายคือผู้รับผิดชอบ
3. ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ โดยต้องชำระ 3.3% ผู้ขายจะมีการชำระในส่วนนี้ก็ต่อเมื่อ มีการครอบครองบ้านน้อยกว่า 5 ปี จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตราที่กำหนดไว้ แต่ถ้าหากมีการครอบครองมากกว่า 5 ปี จะได้รับการยกเว้นภาษีไม่ต้องชำระ
4. ค่าภาษีเงินได้ หักภาษี ณ ที่จ่าย ในส่วนนี้ผู้ขายต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ซึ่งต้องนำราคาขายบ้าน มาคำนวณค่าภาษีเงินได้ ตามราคาที่กำหนดในการประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติธรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 49 ทวิแห่งประมวลรัษฎากร ที่มีการพิจารณาจากจำนวนปีที่ครอบครอง
การคำนวณภาษีขายบ้าน ต้องมีการชำระค่าธรรมเนียม ประกอบด้วย 4 ประเภท โดยท่านสามารถเข้าไปคำนวณค่าธรรมเนียมเหล่านี้ได้ทาง โปรแกรมคำนวณออนไลน์ของกรมสรรพากร ดังนี้
1. การคำนวณค่าธรรมเนียมการโอน โดยต้องชำระ 2% ของราคาประเมินซื้อขาย ตัวอย่าง ดังนี้
ค่าธรรมเนียมการโอนที่ต้องชำระ คือ 68,000 บาท
2. การคำนวณค่าอากรแสตมป์ โดยต้องชำระ 0.5% ของราคาซื้อขาย ตัวอย่างการคำนวณ ดังนี้
ค่าอากรแสตมป์ที่ต้องชำระ คือ 20,000 บาท
โปรแกรมคำนวณค่าอากรแสตมป์ออนไลน์
http://rdsrv2.rd.go.th/landwht/formcal5.asp
3. การคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะ หากผู้ขาย ได้ถือครองที่ดินมาเกินกว่า 5 ปี จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ มีวิธีการคำนวณ ดังนี้
ภาษีธุรกิจ = รายรับ (ให้เลือกใช้ราคาที่สูงกว่าระหว่างราคาขายจริงและราคาประเมิน) x อัตราภาษี (อัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ = ร้อยละ 3.3) ตัวอย่างเช่น
ภาษีธุรกิจที่ต้องชำระ คือ 132,000 บาท
โปรแกรมคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะออนไลน์
http://rdsrv2.rd.go.th/landwht/formcal4.asprdsrv2.rd.go.th/landwht/formcal4.asp
4. การคำนวณภาษีเงินได้หักภาษี ณ ที่จ่าย
เนื่องจากการขายบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ของผู้ขาย เกิดเป็นรายได้ จึงต้องมีการเสียภาษีเงินได้หักภาษี ณ ที่จ่าย โดยใช้อัตราการเสียภาษีตามจำนวนปีที่ครอบครอง
สำหรับเกณฑ์การหักค่าภาษี จะขึ้นอยู่กับจำนวนปีที่ถือครองบ้าน ดังนี้
ตัวอย่างเช่น
ราคาซื้อขายบ้านอยู่ที่ 4 ล้าน แต่ราคาประเมินอสังหาริมทรัพย์ คือ 3.4 ล้านบาท ก็เท่ากับว่าต้องคำนวณค่าภาษีตามราคาประเมินอสังหาริมทรัพย์ คือ 3.4 ล้านบาท
วิธีการคำนวณค่าภาษีเงินได้ หักภาษี ณ ที่จ่าย
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่ต้องชำระ คือ 59,500 บาท
ตัวอย่างอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ต้องนำไปคำนวณกับภาษีเงินได้หักภาษี ณ ที่จ่าย
โปรแกรมคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายออนไลน์ http://rdsrv2.rd.go.th/landwht/formcal3.asp
จะเห็นได้ว่า หน้าที่การรับผิดชอบค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม จะเป็นหน้าที่ของผู้ขาย ไม่ว่าจะเป็น ค่าอากรแสตมป์ ค่าภาษีธุรกิจ และค่าภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เว้นแต่ค่าธรรมเนียมการโอน ที่ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถตกลงกันได้ว่า ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนนี้
ภาษีขายบ้าน มีหลายประเด็นที่เจ้าของบ้านหรือผู้ซื้อขายต้องทำความเข้าใจ เพราะการซื้อขายไม่ได้จบลงเพียงการเซ็นโอนกรรมสิทธิ์เท่านั้น แต่ยังต้องมีการจ่ายภาษีทั้ง 4 รูปแบบตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งแต่ละประเภทมีข้อแตกต่างกันตามอัตราของประเภทนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทใดก็ตาม ฉะนั้น ในฐานะผู้ซื้อและผู้ขายจึงต้องให้ความสำคัญกับเนื่องภาษีขายบ้านเป็นพิเศษ