Highlights:
ปัจจัยการอยู่อาศัยไม่ได้มีเพียง ตึก! หรือตัวอาคาร เท่านั้น แต่คือ “การใช้ชีวิต” ในหนึ่งวันชีวิตของเราประกอบไปด้วยผู้คนมากมาย และกิจกรรมอีกเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง การทำงาน การพักผ่อน บางคนอาจจะมีเข้าคอร์สออกกำลังกาย แต่ที่ขาดไม่ได้ คือ กิน! กิน! กิน! ถ้าเลือกที่อยู่ไม่ดีอาจต้องกลับไปตายรังที่ร้านค้าสะดวกซื้อทุกวัน เรื่องกินจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม You Are Where You Eat … ภาษิตที่ไม่ตรงกับที่เคยเรียน แต่เป็นจริงในโลกใบนี้
ในการพัฒนาเมืองยุคใหม่มีการคำนึงถึงเรื่องการดำเนินชีวิตของผู้คนรอบพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญ ปฎิสัมพันธ์ของอสังหาริมทรัพย์กับอาหารเป็นเรื่องที่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้ความสนใจ โดยมองว่าหนึ่งในหลักเกณฑ์ของการพัฒนาเมืองคือ “การพัฒนาโดยยึดวัฒนธรรมอาหารเป็นศูนย์กลาง” (Food-centric residential development) แนวคิดนี้เชื่อว่าครัวเรือนจะมีการกระจุกตัวรอบศูนย์กลางด้านอาหาร (พื้นที่ที่มีร้านอาหารกระจุกตัว) ซึ่งการกระจุกตัวจะเกิดขึ้น 2 รูปแบบคือ กระจุดตัวในพื้นที่ที่มีความหลากหลายของอาหารสูง หรือไม่จะกระจุกตัวรอบพื้นที่ที่มีอัตลักษณ์ของอาหารที่ชัดเจน (พื้นที่เหล่านี้จะแสดงถึงวัฒนธรรม ศิลปะ และกิจกรรมที่มีความเฉพาะตัว)
เมื่อคิดถึงย่านที่ อินเดี้ย! อินเดีย แน่นอนคงต้องเป็นอันนึกถึงพาหุรัดขึ้นมาเป็นอันดับแรก แหม่ก็ทั้งภาพและกลิ่นความเป็นอินเดียมันลอยขึ้นมาชวนให้นึกถึงนี่นา ...ภาพบรรยากาศของตรอกเล็กๆ ที่ต่อเนื่องมาจากสำเพ็ง-เยาวราช ถ้าเคยได้ไปสักครั้งคงจะนึกภาพพี่แขกจำนวนมากที่มีอาชีพขายผ้าออกไม่ยาก ย่านที่มีสีสันจากเครื่องแต่งกาย เสื้อผ้าเครื่องประดับ รวมถึงเครื่องหอมที่เป็นเอกลักษณ์อีกด้วย
แต่นอกจาก “พาหุรัด” ลิตเติ้ลอินเดียยังมีอยู่ที่ไหนอีกบ้าง Baania จึงได้กางข้อมูลร้านอาหารกว่า 60,000 ร้านในกรุงเทพมหานคร มาวิเคราะห์ด้วยเทคนิค Spatial Smoothing จนได้ออกมาเป็นแผนที่กระกระจุกตัวของย่านร้านอาหารอิoเดียดังต่อไปนี้ 1.ย่านนานา 2.ย่านบางรัก-สี่พระยา 3.ย่านประตูน้ำ
อินเดีย@นานา
นานาย่านหลากสไตล์หลายสีสัน โดยเฉพาะในยามค่ำคืน ภายในบริเวณนี้มีร้านค้าร้านอาหารอินเดียเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่สุขุมวิทซอย 3 ไปจนถึง บริเวณรอบๆ สถานี BTS นานา โดยส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่อยู่ในตึกแถว นอกจากร้านอาหารอินเดียที่บ่งบอกว่าเป็นอินเดียน ทาวน์แล้ว นานายังประกอบไปด้วยบริการสำหรับชาวต่างชาติอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม เกสต์เฮ้าส์ ร้านตัดสูท เสริมความงาม ร้านขายของที่ระลึกอีกสารพัด ขนาดป้ายที่เราเห็นกันตามท้องถนนยังแทบไม่เห็นภาษาไทย ทำให้บรรยายกาศค่อนข้างจะเขินๆ สำหรับคนไทยไม่น้อยเลย
ทางด้านการอยู่อาศัย ย่านนานาก็เป็นอีกหนึ่งทำเลที่ไม่น้อยหน้าใครแน่นอน อยู่ก็สบาย เป็นคอนโดมิเนียมกลางเมือง อยู่ใกล้ขนส่งมวลชน เดินทางก็สะดวก ด้วยระยะทางเพียง 1-2 สถานีก็ถึงแหล่งงาน ทั้งยังสามารถเปลี่ยนสายรถไฟฟ้าได้อีกต่างหาก ส่วนราคาห้องก็มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5.9 ล้านบาท และมีกลางอยู่ที่ 5.2 ล้านบาท
อินเดีย@บางรัก-สี่พระยา
บางรัก-สี่พระยา หลายคนอาจยอมรับความเป็นอินเดียของย่านนี้จาก วัดแขก หรือวัดพระศรีมหาอุมาเทวี ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวฮินดู นับว่าเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญเมื่อคิดถึงเรื่องแขกๆ กลิ่นควัน กลิ่นธูป บรรยากาศที่ดูขลังสำหรับคนที่สัญจรไปมา แต่ย่านนี้ไม่ใด้มีแต่วัดแขกเท่านั้น ร้านอาหารอินเดียส่วนใหญ่จะเกาะกันอยู่ทางสี่พระยาเสียมากกว่า ร้านอาหารค่อนข้างจะซ่อนๆ ตัวอยู่ในซอย ซึ่งถ้าไม่ได้ตั้งใจมาหรือไม่รู้จักมาก่อนก็คงจะมองข้ามไปอย่างแน่นนอน ด้วยความเป็นย่านตึกแถวเก่าของสี่พระยา ซึ่งซบเซามาหลายปีแล้ว แต่ถ้าอยากอาหารแนวแขกๆ แถวนี้มีทั้งร้านอาหารอินเดีย ปากีสถาน อาหารฮาลาลให้คุณได้ลิ้มรสมากมาย ยังไงลองออกไปซึมซับบรรยากาศกันได้นะครับ
ส่วนการอยู่อาศัยย่านนี้ ด้วยทำเลที่เป็นเมืองเก่าจึงมีลักษณะเป็นตึกแถว อาคารพาณิชย์รุ่นแรกๆ จะเห็นความเป็นชุมชนที่รู้จักกัน ไลฟสไตล์ซื้อของตามร้าน ตามรถเข็น หรือเดินจ่ายตลาดก็ทำให้มีเอกลักษณ์ไปอีกแบบ แต่จะลำบากสักหน่อยสำหรับคนที่มีรถ เพราะตรอกซอยค่อนข้างเล็กและไม่มีที่จอดสักเท่าไหร่ หากใครไม่ชินกับวิถีแบบนี้ แต่อยากอยู่ใกล้ๆ ก็มีโครงการให้เลือกได้เช่นกัน มีทั้งคอนโดแถวถนนสาทรใกล้รถไฟฟ้า หรือหลบเข้ามาหน่อยตามซอยต่างๆ ส่วนราคาทำเลทองย่านธุรกิจผสมกลิ่นอายเมืองเก่าแบบนี้ก็สนนราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 6.1 ล้านบาท และมีราคากลางอยู่ที่ 6 ล้านบาทนั่นเอง
อินเดีย@ประตูน้ำ
ย่านประตูน้ำความผูกพันระหว่างคนอินเดียและอุตสาหกรรมผ้าเป็นเรื่องที่แยกจากกันได้ยากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นพาหุรัดที่กล่าวไปแล้ว เยื่อใยเส้นไหมก็ยังคงดึงให้อินเดียจะต้องหวนกลับมาที่ประตูน้ำเช่นเดียวกัน และไม่เพียงแต่เสื้อผ้าฝั่งประตูน้ำ แต่ยังมีพันธุ์ทิพย์แหล่งไอทีของเล่นคู่ใจพี่ท่านอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกย่านหนึ่งที่ร้านค้าเป็นที่ถูกอกถูกใจชาวภารตะแน่ๆ หากลองเดินเล่นซื้อของในย่านนี้รับรองท่านจะได้เห็นผ้าส่าหรีสะบัดให้ควั่ก
แม้ว่าย่านประตูน้ำจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตา แต่ถ้าอยากอยู่แถวนี้ แน่นอนยังมีที่พักอาศัยให้เลือกเข้าไปอยู่ได้เช่นกัน อย่างเช่น โซนพญาไท ราชเทวี ซึ่งถัดมาทางตะวันตกเล็กน้อย แต่เป็นย่านที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมสูง มีโครงการทั้งเก่าใหม่ให้เลือกได้ตาม Budget ส่วนโดยราคาเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมในย่านจะอยู่ที่ประมาณ 4.8 ล้านบาท และมีราคากลางอยู่ที่ 5.1 ล้านบาท
อินเดียน ทาวน์ทั้ง 3 ย่านเป็นตัวแทนที่สะท้อนถึงคนอินเดียที่อยู่ในประเทศไทย คือประกอบไปด้วย นักท่องเที่ยวตามหาแสงสีและความบันเทิงที่ไฉไลเอามากๆ นักท่องเที่ยวสายช็อปปิ้งรวมถึงผู้ค้าที่มีบทบาทกับผลิตภัณฑ์สิ่งทอของไทยในประตูน้ำ และแขกที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยอย่างยาวนาน ทั้งอาศัยและค้าขายปะปนไปกับคนไทยอย่างกลมกลืนกลายเป็นคนไทยเชื้อสายแขก ที่ไม่ได้เป็นเพียงคนแขกที่อาศัยอยู่ในไทย
ถ้าคุณได้มีโอกาสอยู่ในที่เหล่านี้ คุณคงจะได้รับรู้ประสบการณ์จากทั้ง 5 ประสาทสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นสีสันของชีวิตที่เห็นด้วยสายตา ความละลานตาของสินค้าประเภทสิ่งทอ มือที่ลูบสัมผัสความละเอียดอ่อนนุ่มของเส้นใยผ้าในทุกครั้งที่เดินผ่าน บวกกับคาแรกเตอร์ที่ชอบสีสันจัดจ้านเป็นทุนเดิม เสียงรัวลิ้นในภาษาที่เราไม่คุ้นเคย กลิ่นธูปเทียนแห่งศรัทธาของเหล่าภารตะ รวมถึงกลิ่นและรสชาติที่มาจากเครื่องเทศ ต้นตำรับอาหารอินเดียที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ท้ายที่สุดคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำกันสักวันเมื่อคุณได้เจอบรรยากาศที่เปลี่ยนไป ที่นี่ อินเดียน ทาวน์
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า
สวัสดีครับ