เจาะกระเบื้อง อย่างไรไม่ให้แตก เทคนิคง่าย ๆ ไม่ใช่ช่างก็ทำได้
ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโดมิเนียมที่เราอยู่ สิ่งที่ต้องตามมาก็คือการตกแต่งต่อเติม เพราะเมื่อมีอุปกรณ์ของใช้เพิ่มมากขึ้น ก็ต้องหาที่เก็บให้เป็นระเบียบสวยงามมากขึ้น แต่เมื่อต้องเจาะผนัง เจาะกระเบื้องเพื่อติดตั้งชั้นวางของ อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องยาก กลัวผนังเสียหาย กลัวกระเบื้องจะแตก จึงต้องเรียกช่างที่มีความชำนาญเท่านั้น จริง ๆ แล้ว เราก็สามารถลงมือทำด้วยตัวเองได้ Baania จึงได้รวบรวมเคล็ดลับ เจาะกระเบื้อง อย่างไรไม่ให้แตก เผยเทคนิคง่าย ๆ แม้ไม่ใช่ช่างก็ทำได้
ประเภทของกระเบื้อง
กระเบื้องปูพื้นหรือติดผนัง ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะช่วยให้บ้านสวยงาม น่าอยู่ มีขนาดและสีสันให้เลือกหลากหลายประเภทแตกต่างกันตามการใช้งาน เราต้องรู้จักกระเบื้องเพื่อจะได้เลือกใช้ตรงวัตถุประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสวยงามหรือทนทาน กระเบื้องแบ่งเป็น 6 ประเภท คือ
1.กระเบื้องเซรามิค
พูดถึงเซรามิค อาจนึกถึงพวกแก้วกาแฟ จาน ชาม ทั้งหลาย ซึ่งกระเบื้องเซรามิคก็มีวิธีการที่ต้องผ่านการเผาให้ความร้อนแล้วนำมาเคลือบผิวสร้างลวดลายให้สวยงาม เนื้อกระเบื้องมีความแน่นและแข็ง ไม่ซึมน้ำ กระเบื้องเซรามิคมีหลายขนาด หลากโทนสี หลากสไตล์ เหมาะกับการตกแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก เป็นต้น
2.กระเบื้องโมเสค
กระเบื้องโมเสคคือกระเบื้องชิ้นเล็กๆ นำมาเรียงติดกันบนตาข่ายเพื่อให้เป็นกระเบื้องแผ่นใหญ่ เมื่อเป็นกระเบื้องชิ้นเล็ก ๆ ต่อกัน ก็ทำให้มีร่องให้น้ำไหลผ่านได้ดี มีลักษณะเป็นเนื้อแก้วมีสีสันสดใส แข็งแรง มันวาว ทนทาน สีไม่ตก ที่สำคัญทำความสะอาดได้ง่าย และยังดูดซึมน้ำได้ต่ำอีกด้วยส่วนใหญ่จะนิยมติดผนังห้องน้ำ หรือพื้นที่ที่มีขนาดเล็ก หรือที่มุมมีส่วนโค้ง เช่น สระว่ายน้ำ เป็นต้น
3.กระเบื้องแกรนิตโต้
เป็นการนำเอาผงหินแกรนิตมาผ่านการเผาให้ขึ้นรูปเป็นแผ่นกระเบื้อง จึงมีความแข็งแกร่งเหมือนคุณสมบัติของหินแกรนิต มีสีสันสวยงามมันวาว มีขนาดให้เลือกมากมาย ข้อแตกต่างอีกอย่างหนึ่งก็คือกระเบื้องแกรนิตโต้ไม่มีการเคลือบสี เนื้อของกระเบื้องจะเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น หมายความว่ากระเบื้องแกรนิตโต้มีสีเดียวกันทั้งแผ่นนั่นเอง
4.กระเบื้องหินอ่อน
หากต้องการความสวยงาม หรูหรา มีระดับ และที่โดดเด่นก็คือให้ความเย็นสบาย ซึ่งจะสัมผัสได้เวลาที่เหยียบลงบนกระเบื้องหินอ่อน หากบ้านที่ปูพื้นด้วยกระเบื้องหินอ่อนก็จะทำให้บ้านเย็นสบาย เป็นที่นิยมในการตกแต่งสถานที่ต่างๆ เช่น บ้าน ตึก อาคาร ที่ต้องการทั้งความสวยงาม ทนทาน สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี
5.กระเบื้องดินเผา
หากต้องการตกแต่งบ้านให้มีสวยงามคลาสสิค ต้องเลือกใช้กระเบื้องดินเผา ที่ผ่านการเผาด้วยความร้อนและขึ้นรูปด้วยการใช้เทคนิคดั้งเดิม จึงทำให้กระเบื้องดินเผามีความเป็นธรรมชาติ มีคุณสมบัติเหมือนดินมากกว่าหิน แต่ก็มีจุดอ่อนก็คือ แตกหักหรือผุกร่อนเร็วและง่าย มีผิวด้าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีทั้งแบบเคลือบเงาและไม่เคลือบเงาให้เราเลือกใช้ได้
6.กระเบื้องแก้ว
เป็นกระเบื้องเนื้อโปร่งแสง มันวาว และมีการดูดซับความชื้นได้ต่ำ ผลิตขึ้นรูปจากชิ้นแก้วที่มารวมกันเป็นแผ่นกระเบื้อง และตกแต่งลวดลายให้สวยงาม เช่น ลายพิมพ์ โดยเน้นให้ผิวภายในมีความคงทนกว่าลายพิมพ์บนผิวหน้า แตกต่างจากกระเบื้องประเภทอื่น ส่วนใหญ่จะใช้ปูในพื้นที่แคบ เนื่องจากมีชิ้นเล็กทำให้ปูยากและกระเบื้องแก้วจะมีราคาสูงมากนั่นเอง
อุปกรณ์ที่ใช้ในการเจาะกระเบื้องมีอะไรบ้าง
- สว่าน ควรเลือกเป็น สว่านโรตารี ซึ่งออกแบบมาไว้สำหรับการเจาะผนังปูนโดยเฉพาะ เพราะมีระบบแรงกระแทกที่ช่วยผ่อนแรง ไม่ต้องใช้แรงกดย้ำตลอดเวลา การเลือกสว่านโรตารีให้ตรงตามการใช้งานเจาะผนังกระเบื้อง ควรเลือกดูที่มีโหมดเจาะนำร่องทั่วไป และโหมดเจาะกระแทกได้ด้วย สว่านโรตารีจะมีราคาสูงกว่าสว่านเจาะกระแทกแบบธรรมดา แต่เหมาะกับการใช้งานเจาะผนังกระเบื้องมาก มีขนาดกำลังไฟหลายวัตต์ให้เลือกใช้งาน
- ดอกสว่าน ปัจจุบันนี้มีดอกสว่านออกมามากมายหลายชนิด ที่ตรงกับวัสดุที่เราจะนำมาใช้งาน ทั้งการเจาะไม้ เจาะเหล็ก หรือเจาะปูน ดอกสว่านเจาะกระเบื้องก็เช่นเดียวกัน ที่ออกแบบมาให้ใช้งานกับการเจาะกระเบื้องหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ เซรามิค หรือหินอ่อน มีทั้งแบบเจาะธรรมดาและเจาะผ่านน้ำ คุณภาพมีให้เลือกแตกต่างกันไปตามราคา
- พุก เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยยึดน็อตหรือสกรูไว้กับผนังหรือพื้นให้แน่น มีให้เลือกหลายขนาดหลายแบบ ทั้งพุกพลาสติก หรือพุกตัวหนอน ที่ใช้งานเจาะผนังที่รับน้ำหนักไม่มาก เช่น แขวนรูป เดินท่อน้ำ เป็นต้น พุกคอนกรีตบล็อก ทำมาจากไนล่อนที่มีความเหนียวทนทานมากกว่า รับน้ำหนักได้ดีกว่าแบบตัวหนอนธรรมดา พุกเหล็กหรือพุกตะกั่วเหมาะกับการใช้งานที่รับน้ำหนักมาก
- หน้ากากหรือแว่นตา ป้องกันฝุ่นละอองขณะทำงาน เพื่อความปลอดภัยและป้องกันอันตราย
เทคนิคการเจาะกระเบื้องอย่างไรไม่ให้กระเบื้องแตก
- ทำความสะอาดพื้นผิวที่ต้องการเจาะ มาร์กจุดที่ต้องการไว้ด้วยปากกา หรือเทปกาว แปะไว้บริเวณที่ต้องการเจาะ เพื่อป้องกันการลื่นไหล
- ควรเลือกเจาะในตำแหน่งตรงกลางกระเบื้อง หรือตรงร่องยาแนว จะช่วยป้องกันการแตกร้าวได้ดีกว่า
- เจาะนำร่องด้วยดอกสว่าน ควรเลือกเจาะนำร่องกระเบื้องเบอร์เล็กก่อน เจาะธรรมดาให้เป็นรูเล็ก ๆ ระวังอย่ากดสว่านแรงเต็มสปีด ให้ค่อย ๆ กดจนได้ความลึกที่ผิวกระเบื้องก่อน แล้วค่อยใช้ดอกสว่านเจาะกระเบื้องขนาดที่ต้องการ เจาะทะลุกระเบื้องเข้าไปช้า ๆ ให้ดอกสว่านผ่านเข้าไปทีละนิด เพื่อยืดอายุการใช้งาน ใช้น้ำหล่อเลี้ยงในการเจาะรูกระเบื้องด้วยทุกครั้ง
- เมื่อเจาะทะลุกระเบื้องถึงผนังคอนกรีต ให้เบาแรงกดลง จากนั้นให้ปรับโหมดสว่านโรตารีเป็นโหมดกระแทก และเปลี่ยนมาใช้ดอกสว่านเจาะกระแทกแทน ค่อย ๆ เจาะเข้าไปอย่างช้า ๆ เช่นเดียวกัน
- เจาะเสร็จแล้วให้ทำความสะอาดรูด้วยการเอาผงออกให้หมด แล้วค่อยใส่พุกเข้าไป เอาสกรูย้ำพุกไว้หลวม ๆ แล้วค่อยตอกกระแทกพุกเข้าไปให้ฝังในผนัง หากมีส่วนที่โผล่ออกมาจากผนังให้ใช้คัตเตอร์ตัดออก
- จากนั้นก็ติดตั้งอุปกรณ์ได้ตามที่ต้องการ
วิธีการดูแลรักษาผนังกระเบื้อง
- ใช้ผ้าสะอาดหรือฟองน้ำชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดผนังกระเบื้องอย่างสม่ำเสมอ
- หากกระเบื้องมีคราบสกปรก ควรผสมน้ำยาทำความสะอาด หรือเบกกิ้งโซดาลงไปด้วย
- หากกระเบื้องเกิดเป็นรอยขนแมว ให้ใช้น้ำส้มสายชู เช็ดทาที่ผิวกระเบื้อง
- หากเกิดเป็นรอยขีดข่วนหรือรอยร้าวที่ผิวกระเบื้อง ให้ใช้ขี้ผึ้งหรือแว็กซ์เช็ดทาที่บริเวณดังกล่าว
- ทำความสะอาดบริเวณร่องยาแนว โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดเช็ดและปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง
- หลีกเลี่ยงการใช้วัสดุแหลมคม ที่ทำจาก หิน ทราย หรือโลหะต่างๆ ขูดลงบนผิวกระเบื้อง
บอกได้เลยว่าการเจาะกระเบื้องด้วยตัวเองนั้นทำได้ง่ายมาก ๆ แม้จะไม่ใช่ช่างก็สามารถลงมือทำได้สบาย เพียงแค่คุณมีอุปกรณ์ที่พร้อมใช้งาน เรียนรู้เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เพียงพอแล้ว หากคุณมีความชำนาญมากขึ้น การเจาะกระเบื้องหรือผนังต่าง ๆ เพื่อการตกแต่งบ้านก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แล้วคุณจะพบความสุขจากการที่ได้ลงมือทำด้วยตัวเอง ที่สำคัญช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกมากเลยทีเดียว
ที่มาภาพระกอบ :