ในภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติได้เมื่อไร แต่สำหรับตลาดคอนโดหรู ถือเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบไม่มากนัก เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง และยังมีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง
โดยคอนโดหรูเหล่านี้มักอยู่ในย่าน PCB (Prime Central Bangkok) ซึ่งได้แก่ ย่านวิทยุ-หลังสวน, ย่านราชดำริ-สารสิน และทองหล่อ ซึ่งถูกยกให้เป็นโซนที่ดินราคาแพง เริ่มที่ 1.5-3.9 ล้านบาทต่อตารางวา ส่งผลให้คอนโดที่ผุดขึ้นในย่าน PCB ราคาพุ่ง 3-7แสนบาทต่อตารางเมตร
ย่านวิทยุ-หลังสวน ปัจจุบันราคาเฉลี่ยของที่ดินอยู่ที่ประมาณ 1,500,000-3,100,000 บาทต่อตารางวา ขณะที่ราคาคอนโดเฉลี่ยอยู่ที่ 230,000-700,000 บาทต่อตารางเมตร
ย่านราชดำริ-สารสิน ปัจจุบันราคาเฉลี่ยของที่ดินอยู่ที่ประมาณ 2,000,000-3,900,000 บาทต่อตารางวา ขณะที่ราคาคอนโดเฉลี่ยอยู่ที่ 250,000-370,000 บาทต่อตารางเมตร
ย่านทองหล่อ ปัจจุบันราคาเฉลี่ยของที่ดินอยู่ที่ประมาณ 1,200,000-1,800,000 บาทต่อตารางวา ขณะที่ราคาคอนโดเฉลี่ยอยู่ที่ 250,000-430,000 บาทต่อตารางเมตร
หากเทียบเคียง 3 ทำเลดังกล่าวกับทำเลที่อยู่อาศัยที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศก็จะเปรียบเหมือนเรามีทรัพย์สินหรือที่อยู่อาศัยในโซน 1 ของกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ซึ่งได้แก่ เคนซิงตัน เบลกราเวีย หรือไนท์บริดจ์ หรืออยู่ในโซน ฟิฟท์ อเวนิว ของนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ซึ่งเรียกได้ว่าทำเลทั้ง 3 แห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นยุคไหน หรือสถานการณ์แบบไหน มูลค่าของทรัพย์ที่พัฒนาขึ้นก็ยังคงมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันแปลงที่ดินที่สามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใน 3 ทำเลดังกล่าวมีอยู่อย่างจำกัด ขณะที่ราคาที่ดินต่อตารางวาก็สูงขึ้นอย่างมากแตะระดับ 2 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งล่าสุดที่ดินบริเวณถนนสารสินใกล้กับ สวนลุมพินีได้มีการซื้อขายโดยบริษัทพัฒนาที่ดินรายใหญ่ในราคาที่เป็นสถิติสูงสุดที่ 3.9 ล้านบาทต่อตารางวา ซึ่งคาดว่าถ้ามีการพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในรูปแบบ Freehold จะมีราคาขายเริ่มต้นไม่ต่ำกว่า 450,000 บาท ต่อตารางเมตรและมีจำนวนยูนิตที่จำกัด
การซื้อขายที่ดินในย่าน PBD ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินเหลืออยู่น้อยมากและเป็นที่ดินที่มีอยู่เฉพาะไม่สามารถหาได้จากที่อื่นอีกแล้ว ปัจจุบันราคาซื้อขายสูงถึงตารางวาละ 2-2.5 ล้านบาท ขณะที่ราคาประเมินอยู่ที่ 1 ล้านบาท ซึ่งการซื้อขายและราคาที่ดินในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวในอยู่ขณะนี้ทำให้ผู้ประกอบการเบรกการลงทุนใหม่ ความต้องการใช้ที่ดินจึงลดลง หากเจ้าของที่ดินไม่จำเป็นต้องรีบขายก็จะไม่มีการปรับราคาลงมา หรืออาจจะเปลี่ยนเป็นการให้เช่าระยะยาวแทน
ในย่าน PCB จะมีโครงการที่พัฒนาใน 2 แบบ คือ เช่าซื้อระยะยาว (Leasedhold) และแบบขายขาด (Freehold) โดยราคาซื้อขายต่อตารางเมตรของโครงการที่เป็น Leasedhold จะอยู่ในสัดส่วน 35-45% ของราคาที่เป็น Freehold
อย่างไรก็ตาม ในบางโครงการที่เป็น Leasedhold ราคาขายต่อตารางเมตรอาจสูงใกล้เคียงกับ Freehold แต่จะถูกทดแทนด้วยคุณภาพของวัสดุที่ใช้ สิ่งอำนวยความสะดวก รวมไปถึงฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ที่เทียบได้กับบริการห้าดาว อีกทั้งยังได้สัญญาสิทธิการเช่าซื้อก็จะเพิ่มขึ้นด้วย โดยเป็นลักษณะ 30+30 ปี และสามารถต่อได้อีก 10 ปี ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับจากโครงการซึ่งรูปแบบนี้จะเหมาะกับคนที่ซื้อแบบไม่ได้หวังผลตอบแทน หรือ Yield แต่เป็นการซื้อลงทุนเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย และเก็บเป็นทรัพย์สิน (Asset) ไว้ในอนาคต ที่จะมีมูลค่าเพิ่ม (Capital Gain) ในอนาคตนั่นเองครับ
เรียกได้ว่าใครมีเงินก้อนโต การซื้อคอนโดหรูในย่าน PCB อย่างย่านวิทยุ-หลังสวน, ย่านราชดำริ-สารสิน และทองหล่อมาครอบครองไว้ก็ดูจะเข้าท่าไม่น้อยนะครับ
ข้อมูล
บริษัท เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด