การไหว้ศาลพระภูมิ ช่วยทำให้เกิดความสงบร่มเย็นภายในบ้าน นอกจากนี้ยังเชื่อว่าสามารถช่วยในเรื่องโชคลาภ บารมี ความรัก และการงาน โดยศาลพระภูมิคือ ศาลที่สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่สถิตของเทพารักษ์ พบได้ทั่วไปในประเทศไทย มีลักษณะเป็นบ้านหรือวิหารหลังเล็กตั้งอยู่บนเสาเดี่ยว ปะรำทำจากปูนหรือไม้ นิยมตั้งไว้ในจุดที่เชื่อว่าเป็นมงคล ซึ่งมักจะอยู่ริมรั้วหรือมุมหนึ่งนอกบ้าน และบ้านหนึ่งก็อาจมีศาลพระภูมิมากกว่าหนึ่งหลัง นอกจากในด้านความเชื่อแล้ว ศาลพระภูมิเองยังเป็นประติมากรรม ของตกแต่งโบราณที่ให้ความสวยงามตามฉบับคนไทยอีกด้วย
การตั้งศาลพระภูมิอย่างถูกต้องนั้นมีหลากหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง การตั้งในแต่ละครั้งจึงจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้ดีพร้อม เพื่อให้ได้สิ่งดี ๆ เข้ามาภายในบ้านและเกิดมงคลกับตัวเจ้าของบ้านเอง แต่หากตั้งผิดก็จะส่งผลเสียต่อผู้อยู่อาศัยได้ และการปรับปรุงแก้ใหม่อาจเป็นเรื่องยากและเสียเงินมาก โดยการตั้งศาลจะแบ่งออกได้ 2 ส่วนด้วยกันดังนี้
การไหว้ศาลพระภูมิหรือพระชัยมงคลนั้น นิยมสักการะทุกเช้าก่อนเดินทางออกจากบ้าน เพื่อขอพรและเป็นสิริมงคลให้กับตนเอง อีกทั้งขอท่านช่วยปกป้องรักษาบ้านเรือน โดยการไหว้ศาลพระภูมิใช้ธูปบูชาทั้งหมด 5 ดอก (สามารถใช้ธูป 3, 5 หรือ 9 ดอกก็ได้ตามที่เจ้าบ้านนับถือ) เทียน ดอกไม้สดหรือพวงมาลัยสด และถวายน้ำเปล่า หลังจากสวดมนต์เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ถวายอาหารคาว และอาหารหวาน หรือผลไม้ สามารถถวายผลัดเปลี่ยนกันได้ทุกสัปดาห์ หากไม่สะดวกก็สามารถทำเดือนละ 2 ครั้งได้เช่นกัน หลังจากเสร็จพิธีให้ทำความสะอาดบริเวณศาลพระภูมิและบริเวณโดยรอบ เพื่อให้พื้นที่น่ามอง เป็นสิริมงคลต่อตนเอง
การถวายของคาวนั้น นิยมถวายเนื้อสัตว์ อาทิ หัวหมู ไก่ เป็ด ปลานึ่ง กุ้ง และปู เป็นต้น โดยสามารถได้เป็นทั้งตัวหรือบางชิ้นตามงบประมาณของเจ้าบ้าน ก่อรถวายให้ทำการล้างทำความสะอาดเหมือนเตรียมวัตถุดิบไว้ทำอาหารบนจาน และจัดวางให้สวยงาม นอกจากนี้ยังสามารถวางเครื่องดื่มอย่างอื่นเพิ่มเติม ได้แก่ เหล้า น้ำชา น้ำอัดลม และน้ำเปล่า
อย่างไรก็ตาม พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ด้านการศึกษาและการเผยแผ่ กล่าวไว้ว่า เครื่องเซ่นไหว้ศาล พระภูมิเจ้าที่ หมู เห็ด เป็ด ไก่ จริง ๆ คนที่ได้รับก็คือ ผีเร่ร่อนแถวนั้น โดยมากินโอชะที่เป็นของละเอียด เหลือเพียงส่วนของหยาบที่เป็นวัตถุดิบตรงหน้า วิธีส่งให้ทางนั้นได้รับจริง คือการสร้างบุญแล้วนึกอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน
ของหวานมักใช้เป็นเครื่องเคียงของคาว ดั่งในอดีตการทานคาวแล้วต้องจบด้วยการทานหวานเพื่อกลบกลิ่น หรืออีกในหนึ่งเป็นการบอกถึงฐานะที่ดี ขนมเหล่านี้มักมีการตกแต่งสวยงาม ให้ความหมายดี และสามารถใช้เป็นสังเวยมังสวิรัติแทนของคาวได้ในบางกรณี ได้แก่ ทองหยิบ ที่สื่อถึงความรุ่งเรือง, ทองหยอด ให้ร่ำรวยเงิน, ฝอยทอง เสริมความรักที่ยาวนาน, ขนมเม็ดขนุน และขนมชั้น ช่วยทางด้านการงานหรือเรื่องการใช้ชีวิต, และขนมถ้วยฟู ให้มีความเจริญรุ่งเรือง เฟื่องฟู รุ่งโรจน์ มีความเจริญก้าวหน้า นอกจากนี้ยังถวาย ขนมเสน่ห์จันทน์ ขนมจ่ามงกุฎ และขนมทองเอก ได้อีกด้วย
การถวายผลไม้ให้ศาล นิยมเลือกผลไม้ที่มีความหมายอันดี โดยมักตีความมาจากลักษณะการกำเนิด เติบโต และผลที่ได้ออกมา หรือยึดหลักตามความเชื่อต่าง ๆ สำหรับผลไม้ที่นิยมนำมาไหว้ศาลพระภูมิมักเป็นลูกขนาดเล็ก หาซื้อง่าย ได้แก่ ส้ม มีความหมายเรื่องความร่ำรวยเงิน, สาลี่ ที่ช่วยให้เงินทองไหลมาไม่ขาดมือ, ทับทิม จะทำให้ครอบครัวอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข, แอปเปิล ช่วยไล่โรคร้ายออกไป ให้สุขภาพดี, องุ่น เสริมเจริญก้าวหน้าเรื่องการงาน, กล้วยหอม ให้มีลูกมีหลาน, สับปะรด มองการณ์ไกล, แก้วมังกร, และลิ้นจี่ ส่วนจำนวนที่เหมาะสมคือ 5 ลูก หรืออาจน้อยกว่านั้นตามความสะดวกของผู้ถวายเอง
มีหลักการง่าย ๆ คล้ายกับการนำของไปเยี่ยม หรือฝากในงานมงคลต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน งานบุญ หรืองานบวช โดยของเหล่านั้นต้องมีคุณภาพ สวยงาม มีความหมายดี และที่สำคัญสามารถนำมารับประทานได้ ด้วยเหตุนี้มักเป็นผลไม้ที่เป็นปัญหาบ่อยครั้ง และทำให้ส่งผลเสียต่อผู้ให้ คือ ละมุด เชื่อว่าทำอะไรมักไม่โดดเด่น, มังคุด ทำอะไรไม่ดีเท่าที่ควร, พุทรา ทำอะไรแค่ประเดี๋ยวประด๋าว มะเฟือง มักฝืดเคือง, น้อยหน่า มักมีปัญหาอุปสรรค, น้อยโหน่ง ทำแล้วไม่สมบูรณ์ หรือผลไม้อื่นๆ เช่น มะตูม ลูกท้อ ระกำ กระท้อน เป็นต้น
จากพิธีพราหมณ์ระบุการบูชาศาลพระภูมิให้เริ่มจาก จุดธูป 9 ดอก แล้วตั้งสมาธิจึงพนมมือ และสวดมนต์นำด้วยบทนะโม เพื่อระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ตามด้วยบทสักการะศาลพระภูมิ และจบด้วยคำแปล โดยมีบทสวดว่า
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ (3 ครั้ง)
ภูมมัสมิง ทิสาภาเค สันติภูมมา มหิทธิกา เตปิตุมเห อนุรักขันตุ อาโรคเยนะ สุเขนะจะ (3 จบ)
สิโรเม ขอเดชะพระภูมิเทวารักษาที่ รับพระพรจากเจ้ากรุงพาลี ให้วัฒนาถาวรสิ่งสุขแด่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้า (……….ทำการอธิษฐาน……) มั่งมีเงินทองและทรัพย์พัสดุข้าวของเนืองนอง โสตถิ ชัยยะ ภะวันตุ เม
การไหว้สักการะองค์พระชัยมงคลเจ้าหรือศาลพระภูมิ ควรทำทุกวันพระ วันอังคาร วันเสาร์ หรือวันสำคัญต่าง ๆ เช่น วันเกิดของตน วันนักขัตฤกษ์ ทั้งนี้ศาลพระภูมิหรือองค์พระชัยมงคลเจ้า ท่านมีทหารเอก 3 นาย นามว่า นายหลวง นายขุน และนายหมื่น เวลานำสิ่งของไปถวายให้องค์พระชัยมงคลเจ้า ควรบอกนามนายทหารเอก 3 นามให้ช่วยยกไปถวายท่านด้วย
การตั้งศาลพระภูมินั้นเป็นเพียงบอกองค์พระชัยมงคลเจ้าให้รับรู้ว่า บ้านหลังนั้นมีที่พำนักให้อยู่ ท่านก็จะส่งบริวารลงมาดูแลต่อ โดยบริวารทั้งหลายเหล่านี้จะสิงสถิตในตัวตุ๊กตาที่นำมาวางไว้ให้ การนำตุ๊กตามาวางควรวางให้ครบตามหลัก โดยมี ตุ๊กตานางรำซึ่งจะช่วยให้ความบันเทิงแก่ท่าน ตุ๊กตาบ่าวชายหญิงที่คอยปรนนิบัติรับใช้ท่าน และตุ๊กตาช้างม้าที่ช่วยให้ท่านการเดินทางสะดวก นอกจากนี้ยังมีของตกแต่งอื่น คือ โพธิ์เงินโพธิ์ทอง 7 ชั้น ฉัตรเงินฉัตรทอง 7 ชั้น โอ่งเงินโอ่งทอง ผ้าสามสี และมาลัยดาวเรือง อันจะช่วยให้องค์พระชัยมงคลเจ้าประทับใจ และให้โชคลาภแด่ผู้อาศัยภายในบ้านได้
วิธีเบิกเนตรตุ๊กตา: เมื่อตั้งสร้างศาลพระภูมิครั้งแรก ตุ๊กตาที่ไปซื้อมานั้นจำเป็นต้องได้รับการเบิกเนตรก่อน ถึงจะเป็นตุ๊กตาของศาลพระภูมิโดยสมบูรณ์ วิธีทำการเบิกเนตรสามารถทำพิธีกรรมที่วัด หรือทำพิธีเองที่บ้านได้ หากไม่ได้ทำการเบิกเนตรจะทำให้ตุ๊กตาไม่สามารถรับใช้องค์พระชัยมงคลเจ้า และถือเป็นการดูถูกท่านด้วย
วิธีเปลี่ยนตุ๊กตา: เมื่อศาลตั้งมานานพอสมควรจะเริ่มมีความชำรุด เสียหาย ตุ๊กตาที่ตั้งไว้ในนั้นเองก็เช่นกัน หากต้องการเปลี่ยนสิ่งใด ควรบอกกล่าวพระชัยมงคลเจ้าก่อนเสมอ เพื่อให้ท่านและบริหารรับรู้ว่าควรทำอะไรต่อไป โดยการจุดธูปอธิษฐานหรือกล่าวจาวาออกมา เสร็จแล้วควรสักการะด้วยของคาว ของหวาน หรือผลไม้
ตุ๊กตาตั้งศาลนั้นมี 2 แบบด้วยกันได้แก่
การไหว้ศาลพระภูมิ หรือศาลองค์พระชัยมงคลเจ้า เชื่อกันว่าช่วยปกป้อง รักษาบ้าน และยังนำสิ่งดี ๆ เข้ามาในบ้าน นอกจากนั้นยังเป็นประติมากรรมที่มีมาแต่โบราณของคนไทย ไม่ว่าจะไปไหนก็ควรบอกกล่าวให้ท่านรับรู้ หรือแสดงความนับถือไม่ทางกาย หรือทางใจ อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้ตัวเราเองรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่