ความภาคภูมิใจที่ทำให้หัวใจของสถาปนิกหลายคนพองโตทุกครั้งเมื่อได้เห็นผลงานของตัวเองออกมาเป็นรูปธรรม เช่น คุณธนวัฒน์ วลัยรัชต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรีเอสเตทกรุ๊ป จำกัด จากสถาปนิกผู้ก้าวข้ามผ่านความฝันสู่การเป็นดีเวลลอปเปอร์โครงการอสังหาริมทรัพย์หลายโครงการในเชียงใหม่ เขาฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มาได้อย่างไร เขาจะมาเล่าถึงเบื้องลึกเบื้องหลังให้ผู้อ่านใน HBG ฉบับนี้
คุณธนวัฒน์จบการศึกษาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในช่วงเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลง แต่เขาได้ทำงานกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง โดยที่เพื่อนในรุ่นเดียวกันหลายคนกำลังตกงาน หลังจากที่เป็นพนักงานบริษัทได้อยู่ 3 ปี จึงได้รวมตัวกับเพื่อนเปิดบริษัทรับออกแบบด้านสถาปัตยกรรมได้ 2 ปี
ช่วงนั้นประมาณปี 2535 เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นอสังหาริมทรัพย์โตเร็วมาก เรียกได้ว่าเป็นยุคของการขายใบจองทั้งรถยนต์และอสังหาริมทรัพย์เพื่อเก็งกำไร คุณธนวัฒน์กับเพื่อนจึงเปลี่ยนแนวทางมาสู่การเป็นดีเวลลอปเปอร์ แต่งานออกแบบก็ยังทำอยู่ต่อเนื่อง ประเดิมโครงการแรกเป็นคอนโดมิเนียม 5 ชั้น จำนวน 60 ยูนิตบนเนื้อที่ 200 ตารางวา ย่านถนนสุขาภิบาล กรุงเทพมหานคร ขายราคาห้องละ 2 แสนกว่าบาทและสามารถขายหมดในช่วงพรีเซลส์ แม้จะเป็นมือใหม่ที่เริ่มพัฒนาในโครงการ แต่ถือเป็นการได้ศึกษาแนวทางด้านอสังหาริมทรัพย์ไปในตัว
ต่อมาได้ขยับมาสร้างคอนโดมิเนียมแถวสุขุมวิท มีการตอบรับดีอย่างต่อเนื่อง การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์มีมากขึ้น ทำให้เขาและเพื่อนๆ ตัดสินใจแตกไลน์ธุรกิจเป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 10 โครงการ โดยนำความรู้และประสบการณ์ในการออกแบบและสร้างคอนโดมิเนียมมาใช้
กระทั่งปลายปี 2537 เศรษฐกิจเริ่มขาลงอีกครั้ง บวกกับข้อกฎหมายการกำหนดความสูงของอาคารก็ยิ่งรัดกุมขึ้น ทำให้อาคารที่มีความสูงเกิน 9 ชั้นผิดกฎหมาย บางโครงการจึงต้องทุบชั้นที่ 9 ลง และยังเข้าสู่ยุคฟองสบู่แตก ไฟแนนซ์ปิดตัวไปกว่า 52 แห่ง ทำให้บริษัทที่ปรึกษาได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่มีการเปิดโครงการใหม่ บางโครงการต้องปิดตัวกลางคัน รวมถึงบริษัทของคุณธนวัฒน์ก็ต้องปิดตัวลง หุ้นส่วนแยกย้ายกันไป
เข้าสู่ปี 2542 เขาได้มีโอกาสมาดูตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เชียงใหม่อีกครั้ง หลังจากเมื่อปี 2539 เคยมาออกแบบโครงการที่พักอาศัยให้กับสโมสรวิทยุการบินที่จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงนั้นเองเศรษฐกิจก็เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น โชคดีที่เขาได้มีโอกาสได้เป็นที่ปรึกษาและบริหารงานให้กับโครงการบ้านธนาวัลย์ วงแหวนรอบกลาง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้ามาสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ที่เชียงใหม่
หลังจากที่บริหารโครงการหมู่บ้านธนาวัลย์และอาคารพาณิชย์ในเครือธนาวัลย์ประสบความสำเร็จแล้ว ทำให้เริ่มเข้าใจตลาดและความต้องการของคนเชียงใหม่มากขึ้น จึงได้ทำโครงการบ้านจัดสรรเป็นของตัวเอง ชื่อโครงการบุษราภรณ์ ภายใต้ “บริษัท บ้านใหญ่ไพรสูง จำกัด” ย่านบ่อสร้าง จนกระทั่งได้แต่งงานกับคุณนงลักษณ์และเปิดบริษัทพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้บริษัท ทรีเอสเตทกรุ๊ป จำกัด ร่วมกับภรรยา
หลายโครงการที่คุณธนวัฒน์และภรรยาร่วมสร้างกระทั่งวันนี้ ทั้งโครงการบ้านจัดสรร ในชื่อ “ทรีเฮ้าส์” จำนวน 2 โครงการ และอาคารพาณิชย์ ทรีอเวนิว จำนวน 3 โครงการ ก่อนต่อยอดสู่การพัฒนาในรูปแบบคอนโดมิเนียม โดยใช้ชื่อ “ทรีบูทีค คอนโดมิเนียม” บน 3 ทำเลคุณภาพ ได้แก่ ถนนช้างคลาน, สี่แยกศรีบัวเงินใกล้ห้างพรอมเมนาดาและคุรุสภาเป็นอาคารพาณิชย์และมีพื้นที่เช่า
จากประสบการณ์กว่า 20 ปี ผ่านวิกฤตที่หลากหลาย คุณธนวัฒน์บอกได้เพียงว่า สิ่งที่ทำให้ผ่านจุดที่เรียกได้ว่าต่ำที่สุดของชีวิตกระทั่งเจริญเติบโตมาถึงทุกวันนี้ได้นั้นคือ “ความเป็นมืออาชีพ” เพราะไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม จะอยู่สาขาไหน ตำแหน่งอะไร ขอให้ทำทุกอย่างด้วยความเป็นมืออาชีพ ใส่ใจในทุกรายละเอียด ผลก็จะออกมาดีเสมอ
“ไม่มีโรงเรียนไหนที่สอนทางด้านอสังหาริมทรัพย์โดยตรง ฉะนั้นการเป็นมืออาชีพก็ต้องเรียนรู้อยู่ตลอด อสังหาริมทรัพย์ก็มีไซเคิลของมัน มีขึ้นมีลง ปรับเปลี่ยนรูปแบบไปเราต้องตามให้ทัน การเป็นผู้บริหารก็ต้องรู้จักดูแลคน และต้องทำให้คนมีความเป็นมืออาชีพเช่นกัน ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด ยิ่งการแข่งขันสูงเท่าไหร่ คนที่ไม่ใช่มืออาชีพก็จะค่อยๆ หลุดออกไป คนที่เป็นมืออาชีพเท่านั้นที่จะอยู่ได้” คุณธนวัฒน์เล่า
สิ่งที่เป็นอีกแรงบันดาลใจนั่นคือทุกครั้งที่ได้เห็นผลงานที่ตัวเองคิดและสร้างออกมาเป็นรูปธรรม จากภาพสเก็ตช์บนกระดาษจนกลายเป็นบ้าน อาคารสูงใหญ่ เมื่อได้เดินเข้าไปในตึกที่ตัวเองเป็นคนออกแบบ ทำให้นึกอยู่เสมอว่าเขาคือส่วนหนึ่งของที่แห่งนั้นและเขาก็คิดว่าสถาปนิกเกือบทุกคนก็คงคิดแบบนี้เช่นกัน
ทั้งนี้แผนการลงทุนในอนาคตจะพัฒนาที่พักอาศัยในรูปแบบโรงแรมย่านนิมมานเหมินท์ ขนาด 60 ห้องภายในปี 2557 ส่วนวิสัยทัศน์ของบริษัทคือ จะเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 1 ใน 10 ของเชียงใหม่ ปัจจุบันมียอดขาย 3 โครงการอยู่ที่ 400 ล้านบาท และภายใน 10 ปีข้างหน้าจะทำให้ได้ 4,000 ล้านบาทต่อปี หรืออาจเร็วกว่านั้น เชื่อว่านี่เป็นเป้าหมายที่ไม่ไกลเกินเอื้อม
การพูดคุยกับ “คุณธนวัฒน์ วลัยรัชต์” ทำให้ได้เห็นภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่มีความแกร่งและกล้าเผชิญกับปัญหาด้วยความเป็นมืออาชีพที่มีอยู่ในสายเลือดของเขา เชื่อว่าเป้าหมายที่วางไว้คงไม่ไกล(เกินเอื้อม) จริงๆ ...