ธุรกิจย่อมมีการแข่งขัน แพ้ชนะอยู่ที่กลยุทธ์และวิธีการของแต่ละคนว่าใครจะเด็ดกว่า ไม่เว้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หากนักลงทุนทำสินค้าแบบเดิมๆ ไม่พัฒนาหรือสร้างความแตกต่าง ผนวกกับภาวะการแข่งขันในปัจจุบันอาจมีแววคงต้องนั่งปัดฝุ่น แต่กับ คุณพงศ์ภน นันทราทิพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์คลูซีฟเฮ้าส์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เจ้าของโครงการบ้านแสนสราญและปรานต์ มูลค่ารวมกว่า 4,700 ล้านบาท ใช้แนวคิดสร้างธุรกิจอย่างไรเพื่อให้เกิดความแตกต่าง วันนี้เขาจะมาเฉลยให้ทราบ
เดิมทีคุณพงศ์ภน เป็นคนกรุงเทพฯ จบด้านวิศวกรรมศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นทำงานธนาคารพร้อมกับลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์อยู่ประมาณ 4 ปี จึงย้ายมาเชียงใหม่ช่วยดูแลธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว กระทั่งปี 2542 ช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีนักแต่ความต้องการด้านที่พักอาศัยยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง เมื่อมองเห็นโอกาสบวกกับประสบการณ์ที่มีอยู่จึงตัดสินใจทำธุรกิจของตัวเอง เริ่มต้นพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรภายใต้ชื่อ โฮม อิน ปาร์ค ย่านถนนเลียบคลองชลประทานเป็นโครงการแรก จับตลาดตั้งแต่ระดับกลางถึงไฮเอนด์ การตอบรับโครงการแรกเป็นไปด้วยดีใช้ระยะเวลาประมาณ 7 ปีจึงปิดโครงการ
ก่อนที่จะพัฒนาโครงการที่ 2 ภายใต้ชื่อโครงการแสนสราญ จากการมองเห็นศักยภาพของทำเลบนถนนเลียบคลองชลประทาน ที่เหมาะแก่การพัฒนาเป็นย่านที่พักอาศัย สิ่งแวดล้อมที่สวยงาม แวดล้อมด้วยต้นไม้และทิวเขา อากาศดี เงียบสงบ การเดินทางสะดวก และอยู่ใกล้สาธารณูปโภคที่ครบครัน โดยสร้างเป็นที่พักอาศัย 6 สไตล์ บนพื้นที่กว่า 400 ไร่ มูลค่าเกือบ 4,000 ล้านบาท ห่างจากถนนเลียบคลองชลประทานเพียง 1.2 กิโลเมตร และบนถนนเส้นเดียวกันกับโครงการปรานต์ คฤหาสน์หรูสไตล์ Asian Mixes พื้นที่กว่า 20 ไร่ เน้นตลาดระดับพรีเมียม มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท
“ปัจจุบันตลาดบ้านจัดสรรของเชียงใหม่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากและการแข่งขันสูง เราต้องปรับกลยุทธ์มาเน้นในเรื่องมาตรฐานการก่อสร้างในระดับสูงและราคาที่เหมาะสมกับบ้านแต่ละสไตล์ แทนกลยุทธ์การขายแบบลดแลกแจกแถมเป็นตัวกระตุ้น และด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวย่อมส่งผลให้กำลังซื้อชะลอตัวลงตามไปด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่ากำลังซื้อหายไปทั้งหมด อยู่ว่าสินค้าแบบไหนจะตรงใจและถูกใจคนซื้อ"
จากประสบการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มากกว่า 10 ปี คุณพงศ์ภน เน้น “การสร้างความแตกต่าง” มาใช้ในการบริหารงานและทำธุรกิจ ตั้งแต่การสร้างจุดขายของสินค้าให้มีความแตกต่างจากคนอื่น สร้างทีมงานที่มีความรู้ความสามารถที่จะตอบสนองต่อสินค้าทุกรูปแบบของโครงการ และพัฒนาความรู้ความเข้าใจตลอดจนรูปแบบการทำงานให้สอดคล้องกับสินค้าที่ทำด้วย ส่วนการดูแลเอาใจใส่ทีมงานก็เสมือนพี่น้องคนในครอบครัว สามารถปรึกษาและพูดคุยได้ทุกเรื่อง เหตุนี้เองที่ทำให้เขาสามารถขยายโครงการได้อย่างต่อเนื่อง
“ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ ความพยายามความตั้งใจที่การเรียนรู้ในธุรกิจของตนเองและความอดทนในการทำงานเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่สำคัญที่จะนำพาธุรกิจให้เติบโตได้ รวมไปถึง “ความมีสติ” การทำธุรกิจน้อยคนที่จะไม่เจอปัญหา ทุกธุรกิจต้องมีปัญหา จะเล็กหรือใหญ่ก็อยู่ที่สถานการณ์ ผมเริ่มทำธุรกิจในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 การมีสติ ค่อยคิดค่อยแก้ปัญหา มันทำให้ผมมีวันนี้”
แม้กิจกรรมส่วนใหญ่คือการทุ่มเทไปกับการทำงานแล้ว หากมีเวลาว่างจะหาโอกาสเข้าฟิตเนสออกกำลังกายและดูแลสุขภาพซึ่งก็สำคัญไปไม่น้อยกว่าการทำงานเช่นกัน ส่วนแผนในอนาคตวางเป้าหมายไว้ว่าจะทำธุรกิจที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ ทั้งโครงการแสนสราญ 6 เฟส และโครงการปรานต์ให้มีความเข้มแข็งเสียก่อน ส่วนการขยายโครงการอื่นๆ มีแผนแล้วแต่อาจจะไม่ใช่ในระยะเวลาอันสั้นนี้
คนทำงานในธุรกิจนี้อาจมีแนวคิดที่แตกต่างกันออกไป นักบริหารหนุ่มคนนี้จึงฝากแนวคิดดีๆ สำหรับคนที่อยากทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ต้องมีการเรียนรู้และศึกษาข้อมูลในหลายๆด้าน เพราะปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจนี้ค่อนข้างสูง และข้อจำกัดในหลายๆ ด้าน การออกแบบสินค้าหรือวางตำแหน่งทางการตลาดที่จะทำให้สินค้าขายได้และตอบโจทย์ได้ เป็นเรื่องที่ต้องใช้ละเอียดรอบคอบ มิเช่นนั้นอาจแข่งขันในตลาดนี้ได้ยาก...