วันนี้ผมมีโอกาสได้มาเป็นแขกที่บ้านดีเจภูมิ บ้านหรูหลังงามของพิธีกรคิวทองคนหนึ่งในวงการบันเทิง "ดีเจ.ภูมิ - ภูมิใจ ตั้งสง่า" ที่ตอนนี้เขากำลังไปได้ดีกับธุรกิจอาหารสุขภาพแบรนด์ DJPOOM Menu ชุดออกกำลังกาย Zanim และเครื่องดื่มไร้แคลอรี่ยี่ห้อ Zero Kcal ซึ่งเจ้าตัวลงทุนดำเนินการเองทุกขั้นตอน...
"นี่ไม่ใช่บ้านหลังแรกของผมหรอกครับ ผมเกิดที่กรุงเทพฯ แต่คุณแม่ย้ายไปอยู่เชียงใหม่ตั้งแต่ผมอายุ 3 ขวบเนื่องจากคุณพ่อผมเป็นนักการทูต พอผมอายุได้ 7 ขวบคุณพ่อก็พาผมไปอยู่ออสเตรียอีก 3 ปี แล้วก็ย้ายไปอยู่อังกฤษจนผมอายุ 21 ปีถึงเรียนจบกลับมาเมืองไทย ระหว่างนั้นคุณพ่อคุณแม่ซื้อบ้านมือสองหลังนี้แหละครับ พอลูกๆ โตเราต้องทุบบ้านหลังเดิมทิ้งเพื่อสร้างตึกขึ้นมาตึกหนึ่ง แล้วก็แบ่งเป็นชั้นเหมือนเป็นอพาร์ตเมนต์ที่แต่ละคนแต่ละครอบครัวใช้พื้นที่กันคนละชั้น ซึ่งเราก็มีพื้นที่ส่วนตัว และในเวลาเดียวกันเรายังสามารถไปทานข้าวด้วยกันทุกเย็นได้" ดีเจหนุ่มบอกเล่าความเป็นมาของบ้านหลังนี้ให้เราฟังด้วยแววตาแห่งความสุข
บ้านคุณภูมิหลังนี้เป็นอาคารสูง 6 ชั้นครึ่ง ชั้นแรกใช้พื้นที่ด้านหน้าทำเป็นลานจอดรถ ส่วนพื้นที่ด้านในใช้สำหรับทำห้องครัวและห้องพักแม่บ้าน ชั้นที่ 2 เป็นชั้นที่อยู่อาศัยของคุณพ่อคุณแม่ ส่วนชั้นที่ 3 เป็นห้องของน้องชายและครอบครัว ชั้นที่ 4 เป็นพื้นที่ส่วนตัวของพี่ชายคุณภูมิ ชั้นที่ 5 เป็นห้องพักคุณภูมิ และชั้นที่ 6 เป็นดาดฟ้าซึ่งสามารถดัดแปลงเป็นพื้นที่สำหรับจัดงานสังสรรค์ใหญ่ๆ ได้สบาย ส่วนบนสุดคือชั้น 6 ครึ่ง ใช้ทำเป็นโซนเล็กๆ สำหรับสมาชิกในบ้านมานั่งพักผ่อนแบบชิลล์ๆ
“เราก็มีพื้นที่ส่วนตัวและในเวลาเดียวกัน เรายังสามารถไปทานข้าวด้วยกันทุกเย็นได้”
ในส่วนของการขึ้นไปในแต่ละชั้นนั้น คุณภูมิใช้ลิฟต์แทนการก้าวเดินด้วยบันได เพราะนอกจากจะช่วยลดทอนเวลาในการเดินแล้ว ตัวลิฟต์ยังช่วยแบ่งความเป็นส่วนตัวได้อย่างชัดเจนอีกด้วยครับ บนพื้นที่ในแต่ละชั้นจะมีความกว้าง 250 ตรม.เท่ากันหมด
เมื่อขึ้นมาถึงชั้น 5 แล้ว สิ่งแรกที่เราเห็นเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกก็คือ ตู้วางรองเท้าบิลท์อินบานเลื่อนบุหนังม้าสีดำสนิทตัดขอบเล่นลวดลายด้วยทองแดง และเพิ่มลูกเล่นด้วยแสงไฟสีส้มในแต่ละชั้นเพื่อขับให้รองเท้าทุกคู่ดูเด่นขึ้น คุณภูมิขยายความให้ฟังว่าตนเองความสำคัญกับตู้รองเท้าเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อก่อนเป็นคนที่เก็บสะสมรองเท้าผ้าใบแบรนด์ดังมาตั้งแต่เด็กๆ ปัจจุบันคุณภูมิมีรองเท้าที่สะสมในคอลเลคชั่นราว 300 คู่ ส่วนผนังประตูลิฟต์ด้านตรงข้ามตู้วางรองเท้าถูกตกแต่งด้วยกระจกบานใหญ่ เพื่อจุดประสงค์ใช้ตรวจเช็คความเรียบร้อยของการแต่งตัวก่อนที่จะออกไปทำงานข้างนอกในทุกๆวัน
ถัดเข้ามาในห้องลิฟวิ่งรูม เราจะพบกับผลงานการสร้างสรรค์ของ "คุณเอ - วัฒนา โกวัฒนาภรณ์ อินทีเรียดีไซเนอร์" จากบริษัท Abalance Interior Design ซึ่งได้รับโจทย์จากคุณภูมิในการสะท้อนตัวตนที่เป็นหนุ่มโสดผู้รักความสนุกตื่นเต้น ชอบแสง สี เสียง และงานปาร์ตี้กับเพื่อนสนิท และที่สำคัญข้าวของและการตกแต่งทุกอย่างจะต้อง Timeless ดูดีอยู่เสมอแม้จะผ่านกาลเวลาไปนานแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นวัสดุที่คุณเอเลือกมาใช้ตกแต่งบ้านคุณภูมิส่วนใหญ่จึงเป็นวัสดุที่เป็นธรรมชาติจริงๆ อย่างเช่น คอปเปอร์ ไม้แท้ หินแท้ และหนังแท้ เนื่องจากวัสดุเหล่านี้ยิ่งผ่านกาลเวลายิ่งเพิ่มมูลค่าและความสวยงาม
ด้านขวามือของห้องลีฟวิ่งรูมนี้ คุณภูมิจัดให้เป็นเคาเตอร์บาร์ที่ทำจากหินอ่อน ตกแต่งด้วยหนังม้า และทองแดงโดยรอบ ด้านในเป็นแพนทรี่ประกอบอาหารจานง่ายๆ บนชั้นวางเครื่องดื่มประดับไฟวิ่งที่เปลี่ยนสีได้ตามความต้องการไว้ตามขอบชั้น เพิ่มบรรยากาศในการดื่มให้สนุกยิ่งขึ้น ถัดไปในส่วนกลางห้องเป็นโต๊ะรับประทานอาหารสีเข้มคุมโทนที่คุณเอสั่งทำมาเป็นพิเศษจำนวน 8 ที่นั่ง และเพื่อไม่ให้พื้นที่ส่วนนี้ดูธรรมดาเกินไป คุณภูมิจึงทำเตาผิงจำลองขึ้นมาเก๋ๆ และใช้โคมไฟสีคอปเปอร์ทรงสวยเป็นจุดนำสายตาแขกผู้มาเยือนไปสู่กลางโต๊ะรับประทานทานอาหารได้อย่าลงตัว
“ข้าวของและการตกแต่งทุกอย่างจะต้อง Timeless
ดูดีอยู่เสมอแม้จะผ่านกาลเวลาไปนานแค่ไหนก็ตาม”
มุมหนึ่งของด้านซ้ายติดกับห้องนอนแขกนั้นถูกกรุด้วยกระจกใสบานใหญ่มองเห็นสระว่ายน้ำขนาด 4.50 x 3 เมตรที่อยู่ด้านนอกได้ชัดเจน ประดับด้วยเก้าอี้สตูลทรงสูง 2 ตัวของแบรนด์ Baxter มูลค่ากว่า 300,000 บาท! และเนื่องจากพื้นที่ภายในห้องค่อนข้างจำกัด การทำให้ทุกส่วนเป็นพื้นที่ Open space เปิดโล่งถึงกันได้ทุกฟังก์ชั่นจึงมีส่วนสำคัญอย่างมาก ดังนั้นคุณเอจึงดีไซน์ให้ประตูทุกบานเป็นกระจกทั้งหมด ทุกพื้นที่จึงมีความเป็น Infinity ต่อเนื่องกันและดูกว้างกว่าความเป็นจริง
แม้ว่าตัวอาคารจะดูเรียบง่าย แต่อินทีเรียก็ได้แฝงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไว้ทั่วทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นผนังหินแกรนิตที่มีพื้นผิวเล่นระดับ ผนังสตูดิโอบุหนังม้า หรือแผ่นฝ้าไวนิลซ่อนไฟ LED ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ตามอารมณ์เจ้าของห้องจากมือถือ นอกจากนี้เพดานบางส่วนยังทำเป็นระแนงไม้เพื่อซ่อนรางไฟดาวน์ไลท์ รางไฟท่อแอร์ และเป็นการเพิ่มมิติให้กับห้อง
สำหรับในส่วนของห้องนอนคุณภูมิก็ยังใช้ Element เดิมเข้าไปเสริมอยู่เหมือนเดิม และยังใช้คอนเซ็ปต์การเปิดโล่งของพื้นที่เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ เมื่อเดินเข้ามาถึงห้องนอนก็จะมองเครื่องเสียงชั้นดีและโทรทัศน์ขนาดใหญ่วางอยู่ที่ปลายเตียง หลายคนอาจจะแปลกใจที่เตียงนอนของดีเจ.หนุ่มคนนี้เป็นเตียงลักษณะแบบปิดทึบไม่มีพื้นที่ว่างใต้เตียง และเป็นเตียงที่เกือบจะติดพื้นยกระดับขึ้นมาจากพื้นห้องไม่มากนัก ทั้งนี้เนื่องจากคุณภูมิเป็นคนที่ค่อนข้างติดภาพหนังผีที่เคยดูสมัยเด็กๆ ว่าเตียงนอนสูงๆ ที่มีส่วนเปิดโล่งมักจะมีผีซ่อนใต้เตียง คุณเอจึงออกแบบเตียงออกมาลักษณะนี้ เพื่อสร้างความสบายใจให้กับเจ้าของห้องในเวลาพักผ่อน
อีกมุมหนึ่งของผนังหัวเตียงได้ถูกออกแบบให้เป็นห้องลับเล็กๆ มีผนังลวงตาเพื่อใช้สำหรับเก็บของสำคัญๆ ที่เจ้าตัวขอปิดไว้เป็นความลับสุดยอด ด้านซ้ายของห้องนอนนั้นสามารถเปิดออกไปยังพื้นที่เปิดโล่งภายนอกสำหรับรับลมและออกกำลังกาย พื้นที่ส่วนนี้เต็มไปด้วยอุปกรณ์ยกน้ำหนักและลู่วิ่ง ที่ใช้เผาผลาญแคลอรี่โดยเฉพาะ ซึ่งเจ้าตัวบอกกับผมว่าเขาให้ความสำคัญกับการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ นั่นจึงเป็นที่มาของหุ่นที่เฟิร์มและฟิตของคุณภูมิอย่างที่เราๆ ได้เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ ถัดมาอีกด้านหนึ่งก็จะเป็นห้องน้ำขนาดใหญ่ซึ่งบานประตูทั้งแถบเป็นกระจกใสบานใหญ่ที่ติดฟิล์มปรับความทึบชนิดพิเศษด้วยรีโมท
“บ้านทำให้เรามีความสุข บ้านทำให้เราเป็นตัวของตัวเองที่สุด” ลงตัวในทุกรายละเอียด
จุดเด่นในห้องน้ำของคุณภูมินั้นอยู่ที่ตัวอ่างจากุซซี่ที่ทำมาจากเทอรัสโซ่สีขาวขนาดใหญ่ เพิ่มความพิเศษยิ่งขึ้นด้วยซิงค์ล้างหน้าหินอ่อนที่สั่งทำมาจากหินก้อนเดียว และภายในห้องน้ำนี้คุณภูมิยังแยกส่วนเปียกกับส่วนแห้งด้วยผนังกระจกซ่อนไฟ LED ซึ่งมีความพิเศษตรงที่เปิดไฟเพียงครั้งเดียวแต่สามารถให้ความสว่างทั่วทั้งห้อง
บรรยากาศในห้องอาบน้ำของคุณภูมิดูโล่งโปร่งสว่างและสะอาดตา เพราะสีขาวของหินอ่อนและอ่างเทอรัสโซ่ ซึ่งเข้ามาเบรกบรรยากาศเท่ๆ ขรึมๆ ด้วยสีโทนเข้มภายในห้องนอนได้อย่างพอดิบพอดี ในจุดนี้ต้องยอมรับเลยว่าอินทีเรียมีรสนิยมที่ดีและสามมารถแบ่งฟังก์ชั่นการใช้พื้นที่ได้อย่างลงตัวมาก รวมไปถึงการสอดแทรกความสนุกสนานแสดงตัวตนตอบโจทย์ตามความต้องการของคุณภูมิได้อย่างครบถ้วนไปเสียทุกข้อ
"บ้านเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผม มันเป็นสถานที่ที่ไม่ว่าเราจะเหนื่อยจากการทำงานขนาดไหน ก็ตามเมื่อเรากลับมาบ้าน มันคือที่ชาร์ตแบตที่ดีที่สุดของเรา บ้านทำให้เรามีความสุข บ้านทำให้เราเป็นตัวของตัวเองที่สุด เพราะฉะนั้นบ้านหลังนี้สำหรับผมมันตอบโจทย์ทุกอย่างจริงๆครับ"
เรื่อง: ชวลิต อรุณทัต
ภาพ: ชัยธัช ศิรประภาชัย
บทความที่เกี่ยวข้อง: