การปลูกผักในกระถาง สำหรับพื้นที่จำกัดไม่ใช่เรื่องยาก เหมาะกับคนที่อยู่หรืออพาร์เมนท์ที่อยากจะเพาะปลูก แต่มีพื้นที่ไม่เอื้ออำนวยมากนัก จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของการปลูกผักวิธีนี้คือสามารถดูแลได้ง่าย และเคลื่อนย้ายได้สะดวก ในบทความนี้จะขอนำข้อมูลในการปลูกผักในกระถางเพื่อเป็นแนวทางให้กับทุกท่าน เริ่มตั้งแต่การเลือกชนิดของพืชผักไปจนวิธีดูแลรักษาที่เหมาะสมอีกด้วย
เริ่มจากสำรวจพื้นที่ของเราว่า มีที่ว่างพอมากน้อยแค่ไหนที่จะใช้สำหรับวางกระถางเพาะปลูก เช่น บริเวณหน้าบ้าน ข้างบ้าน หลังบ้าน หรือภายในบ้าน เป็นต้น ทั้งนี้ต้องพิจารณาด้วยว่าในพื้นที่ไหนเหมาะที่จะปลูกพืชผักชนิดใด หากเป็นคนที่เพิ่งเริ่มปลูกครั้งแรกควรศึกษาให้ดีก่อน หากเมื่อพร้อมแล้วเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับวางกระถางและเตรียมดินสำหรับปลูกต่อไป
หลักการเลือกดินที่ใช้ปลูกผักคือ ต้องเป็นดินที่มีความละเอียด ระบายน้ำสะดวก และมีการไหลเวียนของอากาศ ซึ่งจะช่วยทำให้พืชเจริญเติบโตงอกงามได้ดี เริ่มจากเตรียมดินมาพักตากแดดไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ และเมื่อครบกำหนดให้รดน้ำให้ชุ่มเพื่อให้ดินแตกร่วน
นำดินที่ร่วนแล้วมาผสมกับปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอกในอัตราที่พอเหมาะสำหรับผักแต่ละชนิด แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน หรือจะใช้สูตรมาตรฐานโดยใช้ปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอก 1 ส่วนต่อดิน 1 ส่วน และควรมีแกลบดำผสมตามอีก 1 ส่วน อาจมีขุยมะพร้าวด้วยอีก 1 ส่วนเพื่อความลงตัว
เมื่อผสมกันได้เข้าที่แล้วให้ดินนำลงกระถางเพื่อทำการปลูกในขั้นตอนต่อไป ในปัจจุบันมีดินผสมแบบสำเร็จพร้อมใช้ได้เลย ทำให้คุณสะดวกขึ้นมาก เหมาะกับมือใหม่ที่เริ่มปลูกผักเป็นอย่างดี
มีปัจจัยหลายอย่างในการเลือกกระถางที่ใช้ปลูกผัก ทั้งเลือกเพื่อให้เหมาะกับพื้นที่ของเรา หรือเลือกด้วยความชอบส่วนตัว แต่ไม่ว่าอย่างไรกระถางควรจะมีความลึกประมาณ 30 เซนติเมตร และต้องคำนึงถึงน้ำหนักด้วยว่าจะสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวกหรือไม่ เพื่อการจัดวางและปรับเปลี่ยนตำแหน่งของกระถางได้หากจำเป็น
การเลือกกระถางสำหรับผักแต่ละชนิดก็มีความสำคัญเช่นกัน หากคุณจะปลูกผักที่มีผลและรากยาว ควรใช้กระถางที่มีความลึกเป็นพิเศษไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร เป็นต้น แต่หากเป็นพืชที่ใช้ประโยชน์จากใบและดอกก็สามารถเลือกใช้กระถางที่มีความตื้นได้ แต่ให้มีปากกว้างเล็กน้อยเพื่อเพิ่มเนื้อที่ขยายพุ่มใบหรือดอกของพืช
กระถางที่นิยมใช้ส่วนมากมีอยู่สองชนิดด้วยกันคือ แบบกระถางพลาสติกซึ่งมีข้อดีคือ น้ำหนักเบา กักเก็บน้ำได้ดี เคลื่อนย้ายสะดวก และกระถางดินเผาที่มีการระบายอากาศได้ดี มีความชุ่มน้ำ แต่ค่อนข้างมีน้ำหนัก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของพื้นที่และความชอบของผู้ปลูก
การเลือกพืชผักที่จะปลูกมีความสำคัญมาก โดยเราควรเลือกให้ถูกต้องเหมาะสมกับพื้นที่ที่มี เพราะหากเลือกผักที่ไม่เหมาะหรือมีความพิเศษซึ่งยากต่อการปลูกในกระถางก็ย่อมจะส่งผลให้การปลูกค่อนข้างลำบาก หรือได้ผลไม่ตรงตามเป้าที่คาดไว้ ดังนั้นควรมีการคัดเลือกที่ดี และศึกษาเกี่ยวกับผักที่เราสนใจมาพอสมควรแล้วก่อนลงมือปลูก
ทั้งนี้คุณสามารถเลือกผักตามความชอบในการบริโภคก็ได้ เช่น หากชอบรับประทานพืชมีใบ ลองเลือกปลูก ผักบุ้ง ผักคะน้า ผักกาด ขึ้นฉาย หรือผักชี เป็นต้น แต่หากชอบพืชที่มีรากหรือหัว ก็ลองปลูก หัวมัน เผือก ต้นหอม แครอท หรือหัวไชเท้า แทน
ก่อนเริ่มการเพาะปลูก เราต้องเลือกเฉพาะเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์โดยคัดแยกเมล็ดที่เสียและสิ่งเจือปนคัดทิ้งไป จากนั้นให้ทำความสะอาดเมล็ดก่อนการนำไปเพาะปลูกทุกครั้ง หากให้ดีควรมีการแช่ในน้ำอุ่นที่อุณหภูมิประมาณ 50 องศาเซลเซียสประมาณ 30 นาทีเป็นอย่างน้อย เพื่อเป็นการกระตุ้นเมล็ดพันธุ์ และเป็นการฆ่าเชื้อที่อาจติดมากับเมล็ดอีกด้วย นอกจากนี้อาจจะแช่น้ำยาเพื่อกันโรคระบาดที่มากับอากาศ หรือคลุกเคล้ากับสารเคมีเพื่อป้องกันโรคที่จะตามมาหลังปลูก ก็จะเป็นการป้องกันเบื้องต้นได้ดีในระดับหนึ่ง
การหยอดเมล็ดนิยมใช้ในการปลูกพืชจำพวกตระกูลถั่วหรือแตง เช่น แตงกวา แตงโม ฟักทอง มะระ น้ำเต้า บวบ ถั่วฝักยาว ถั่วแระ ถั่วแขก หรือถั่วลิสง เป็นต้น ผักเหล่านี้จะมีอัตราในการงอกสูงเติบโตเร็ว โดยมีวิธีการดังนี้คือ เตรียมกระถางที่จะนำมาใช้เป็นภาชนะในการปลูก ขุดดินให้หลุมพอดีกับขนาดกระถาง แล้วหยอดเมล็ดพันธุ์ลงในปริมาณหลุมละ 3-5 เมล็ด กลบดินโดยใช้มือตบเล็กน้อย และรดน้ำพอให้ชุ่ม ระวังอย่าหยอดเมล็ดมากเกินไป เพราะจะทำผักที่งอกขึ้นมามีการเบียดเสียดหนาแน่น ควรหยอดให้พอเหมาะพอดีกับพื้นที่กระถางที่ใส่ด้วย
เตรียมความพร้อมโดยคำนึงถึงสถานที่ในการเพาะปลูกเป็นอันดับแรก โดยพื้นที่วางกระถางควรจะมีแสงแดดส่องถึงเพื่อให้ผักมีการเจริญเติบโตที่ดี อากาศถ่ายเทได้สะดวก จากนั้นให้เตรียมเมล็ดพันธุ์ที่คัดสรรมาแล้ว และกระถางที่จะนำมาใช้เพาะต้นกล้า
ขั้นตอนถัดไปให้ใส่กาบมะพร้าวสับละเอียดรองไว้ใต้ภาชนะที่เราเตรียมไว้ จากนั้นใส่ดินที่ผสมปุ๋ยมาแล้วเกลี่ยให้ทั่ว โรยเมล็ดลงไป ใช้ดินกลบบาง ๆ เพื่อให้คลุมเมล็ด นำกระดาษหนังสือพิมพ์มาคลุมทับไว้อีกทีแล้วรดน้ำ เพราะกระดาษหนังสือพิมพ์จะช่วยทำให้หน้าดินเพาะมีความชุ่มชื้นแล้วนำไปวางในพื้นที่ร่ม แสงส่องถึง รดน้ำช่วงเช้าเย็น รอให้ต้นกล้างอกขึ้นมา
ผักหลายชนิดมีการขยายพันธุ์เพาะปลูกโดยการปักชำ โดยแบ่งออกเป็น 3 ชนิดดังนี้
เคล็ดลับเพิ่มเติมคือ หากนำไปปักชำในวิธีข้างต้นควรจะเลือกการชำในตอนช่วงเย็นจะดีมาก แล้วนำมาพักในที่ร่มให้ผักได้ปรับสภาพฟื้นตัวเสียก่อน แล้วค่อยนำออกแดด และถ้าหากการปักชำด้วยกิ่งหรือก้านมีใบติดมาเยอะควรเด็ดใบออกบ้างเพื่อลดการคายน้ำ เท่านี้ก็สามารถนำผักไปปักชำให้เกิดการขยายพันธุ์เพาะปลูกได้แล้ว
การรดน้ำควรมีการทำอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้าและเย็นเนื่องจากอากาศไม่ร้อนเกินไป ในช่วงเช้าเวลาที่เหมาะสมควรเป็นช่วงเวลา 6.00-8.00 น. จะเป็นช่วงเวลาที่แดดยังอ่อนไม่แรงทำให้ต้นไม้ได้รับน้ำและอากาศในอุณหภูมิที่พอเหมาะพอดี
ในตอนเย็นควรจะเป็นช่วงหลังพระอาทิตย์ตกเดินในช่วง 16.00-18.00 น. เพราะช่วงนี้น้ำในดินที่รดน้ำในช่วงเช้าจะมีการระเหยออกไปบางส่วนแล้ว และควรดูแลรดน้ำในปริมาณที่พอเหมาะพอดีไม่เยอะและไม่น้อยเกินไปสำหรับความต้องการของพืชผัก ข้อสำคัญคือไม่ควรที่จะรดน้ำในตอนแดดแรงเพราะจะทำให้ผักเสียหายและตายได้
นอกจากน้ำและดินที่สมบูรณ์ในการเพาะปลูกแล้ว เราควรใส่ปุ๋ยเพื่อเพิ่มสารอาหารให้กับพืชของเราด้วย ยิ่งการปลูกในกระถางด้วยแล้วจำเป็นอย่างมากที่จะต้องนำสารอาหารจากปุ๋ยเหล่านี้มาบำรุงทดแทนปุ๋ยในธรรมชาติที่พืชในกระถางไม่สามารถหาได้ โดยปุ๋ยมีให้เลือกใช้หลายชนิด เช่น ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก และปุ๋ยสำเร็จที่สามารถหาซื้อได้จากท้องตลาดทั่วไปได้อย่างสะดวก ซึ่งก็สามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มธาตุอาหารสำหรับการเจริญเติบโตได้อย่างปรกติและได้ผลผลิตตามที่ควร
อย่างที่กล่าวมาแล้ว เราควรคำนึงถึงพื้นที่ที่เรามีเสียก่อนว่ามีมากน้อยแค่ไหน การปลูกผักภายในบ้านยังเป็นทางเลือกนอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายปลูกไว้ทานเองแล้ว ยังปลูกเพื่อตกแต่งทำเป็นสวนครัว เพื่อเพิ่มความสวยงามภายในบ้านอีกด้วย
หากต้องการให้ผักในกระถางของเราเติบโตงอกงามและให้ผลผลิตที่ดี เราควรจะใส่ใจกับปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
การปลูกผักในกระถาง เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่พื้นที่จำกัด เหมาะกับคนเมืองที่มีพื้นที่สวนเล็กๆ ด้านหน้าหรือด้านหลังบ้าน การปลูกผักวิธีนี้ทำได้ไม่ยาก และสามารถเลือกปลูกได้หลายชนิด โดยเฉพาะผักสวนครัวที่เรานำมาประกอบอาหารเป็นการลดค่าใช้จ่ายได้ด้วย ดังนั้นหากท่านนำบทความนี้ไปปรับใช้รับรองว่าท่านจะมีพื้นที่ขนาดใดก็สามารถปลูกผักในกระถางไว้อย่างที่ตั้งใจทำได้อย่างแน่นอน