หาคนค้ำหรือกู้ร่วม แบบไหนช่วยอยากมีบ้านแต่ไม่มีเงินได้ดีกว่า

อยากมีบ้าน เงินหลักทรัพย์ไม่พร้อม เงินเก็บก็ไม่มี มีอะไรบ้างที่ช่วยเราได้ ก่อนอื่นมาเช็คความพร้อมก่อนมีบ้านกันก่อนครับ

ปัญหาหนึ่งของการกู้สินเชื่อซื้อบ้านแล้วไม่ผ่านของคนมีรายได้ไม่สูงก็คือ ขาดหลักทรัพย์มาเป็นหลักประกัน มีฐานรายได้ไม่เพียงพอที่จะผ่อนไหว ประวัติการชำระหนี้ไม่ดี ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาเหล่านี้ เราเคยเขียนเรื่องเพิ่มโอกาสกู้ผ่านในยุคโควิด 19 เอาไว้แล้ว สามารถอ่านได้ที่นี่ครับ แต่ถ้าอ่านแล้วยังรู้สึกว่าเกินที่จะทำได้แน่ๆ วันนี้ผมมีตัวช่วยพิเศษ นั่นก็คือให้คนอื่นช่วย มาดูกันครับว่าใครจะช่วยเราได้บ้าง

1. หาคนกู้ร่วม
กู้ร่วมซื้อบ้าน คือการร่วมเซ็นสัญญายื่นกู้ทรัพย์สินชิ้นเดียวกัน หรือการเป็นหนี้ร่วมกัน ผ่อนร่วมกัน มีหน้าที่รับผิดชอบในการชำระและมีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ซึ่งจะช่วยให้สถาบันการเงินเห็นว่าผู้ร่วมรับภาระหนี้มีความสามารถทางการเงินเพียงพอที่จะผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนได้ตามสัญญา

สำหรับบุคคลที่สามารถกู้ร่วมได้ มักจะเป็นบุคคลในครอบครัวที่มีสายเลือดเดียวกันก่อน เช่น พี่ น้อง พ่อ แม่ ลูก และสามีภรรยา ในกรณีสามีภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสนั้น ต้องหาหลักฐานการแต่งงานมายืนยันได้ เพราะต้องถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน โดยผู้กู้ร่วมจะต้องมีคุณสมบัติที่ดีเหมือนผู้กู้หลัก คือมีหลักฐานรายได้ชัดเจน มีประวัติการชำระหนี้ที่ดี  มีภาระหนี้สินที่ไม่เสี่ยงต่อการชำระไม่ไหว และรายได้ที่เหลือเพียงพอที่จะร่วมรับภาระหนี้ได้

2. หาคนค้ำประกัน
 การค้ำประกัน คือ การนำบุคคลมาเป็นหลักประกันสินเชื่อให้กับผู้ขอสินเชื่อ โดยจะต้องรับผิดชอบเมื่อผู้ขอสินเชื่อผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ตามกำหนด หรือพูดง่ายๆ ก็คือจะจ่ายหนี้แทนถ้าผู้ขอสินเชื่อหลักไม่จ่าย แต่จะไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อย่างผู้กู้ร่วม เพราะไม่ได้ผู้ผ่อนชำระหนี้ร่วมกันอย่างผู้กู้ร่วม โดยผู้ค้ำประกันจะเป็นใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเครือญาติกัน แต่ต้องมีประวัติเครดิตที่ดีหรือมีฐานรายรับที่มั่นคง
 และต้องบอกไว้ก่อนครับว่าวิธีนี้ในปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมแล้ว เพราะมักจะมีปัญหาอื่นๆ ตามมาโดยเฉพาะปัญหาเรื่องผู้ขอสินเชื่อเบี้ยวไม่จ่าย จนผู้ค้ำต้องมารับผิดชอบภาระหนี้ที่เหลือแทน แต่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 680 - 692 ที่มีการออกใหม่ ได้มีการคุ้มครองสิทธิ์ผู้ค้ำประกันมากขึ้น

โดยหากลูกหนี้ผิดนัดชำระ เจ้าหนี้จะต้องทำหนังสือแจ้งให้ผู้ค้ำประกันทราบภายใน 60 วัน หากไม่แจ้งจะเสียสิทธิการทวงดอกเบี้ย ค่าสินไหมทดแทน ค่าทวงหนี้ฯ จากผู้ค้ำประกัน อีกทั้งกฎหมายยังบังคับให้เจ้าหนี้จะต้องไปฟ้องบังคับชำระหนี้เอากับลูกหนี้ก่อน ซึ่งอาจสู้คดีกันยาว กว่าเจ้าหนี้จะมาฟ้องเอากับผู้ค้ำประกัน

การหาคนมาช่วย ทั้งคนกู้ร่วมหรือคนค้ำประกัน ผมอยากให้คิดให้ดีก่อนตัดสินใจนะครับว่า แบบไหนที่จะช่วยเราได้ดีกว่ากันแน่ ที่สำคัญผมว่า ก่อนจะมีบ้านสักหลังเราควรเตรียมความพร้อมก่อนจะมีบ้านนะครับ ใครที่ยังไม่รู้ว่าพร้อมจริงหรือไม่ สามารถอ่านบทความได้ที่นี่ และถ้าใครกำลังจะมีบ้านหลังแรกผมมีเช็คลิสต์เตรียมความพร้อมก่อนมีบ้านมาให้อ่านกันก่อนครับ ส่วนใครที่ยังหาบ้านที่ใช่ไม่เจอ ลองมาหาบ้านที่ใช่ได้ที่ Baania.com นะครับ