คน Gen Y หรือกลุ่มมิลเลนเนียล (ผู้ที่เกิดช่วงปี พ.ศ. 2527–2539) คนกลุ่มนี้หาบ้านกันแบบไหนในยุคเงินเฟ้อแบบนี้ แล้วความพร้อมทางการเงินมีมากน้อยเพียงใด เรามาอ่านบทความดีๆ จาก DDproperty กันครับ รับรองใครที่อยากรู้ Insight คนกลุ่มนี้ไปวางแผนการตลาดจะได้ประโยชน์และเข้าใจอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว
ข้อมูลจาก MSCI ว่าปัจจุบันทั่วโลกมีประชากรกลุ่มนี้กว่า 1.8 พันล้านคน คิดเป็น 23% ของประชากรทั่วโลก โดยในทวีปเอเชียมีประมาณ 1.1 พันล้านคน หรือคิดเป็น 24% ของประชากรในภูมิภาค สอดคล้องกับข้อมูลสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ณ เดือนพฤษภาคม 2565 รายงานว่ามีประชากรไทยในช่วงวัยดังกล่าวกว่า 12 ล้านคนจากประชากรในประเทศกว่า 64 ล้านคน (แยกตามจำนวนประชากรที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านและมีสัญชาติไทย) ซึ่งเคนกลุ่มนี้ถือเป็นวับทำงาน ที่มีบทบาทที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ และมีความต้องการและมีกำลังซื้อสูง รวมทั้งเป็นช่วงวัยที่เริ่มเป็นเจ้าของทรัพย์สินมูลค่าสูงอย่างเช่น รถยนต์ คอนโดมิเนียม หรือบ้าน
แม้จะเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง แต่ก็มีภาระหนี้สินสูงด้วย จาก ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เผยว่า ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลถือเป็นกลุ่มที่มีหนี้สะสมและหนี้เสียสูงที่สุด โดยมียอดหนี้รวมทั้งประเทศจากกลุ่มนี้ถึง 4.5 ล้านล้านบาท และมีอัตราการเป็นหนี้เสียสะสม 3 แสนล้านบาท
เห็นแบบนี้แล้ว ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ ค่าวัสดุก่อสร้างที่แพงขึ้น มาพร้อมอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นหรือเป็นแบบลอยตัวมากขึ้น คนกลุ่มนี้จะมีวิธีบริหารจัดการเงินอย่างไร แล้วพวกเขาต้องการมีบ้านหรือคอนโดหรือไม่ แบบไหนกัน
ข้อมูลจาก DDproperty เผยข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตและแนวคิดแผนการเงินที่เปลี่ยนไป เมื่อเผชิญภาวะเศรษฐกิจเปราะบางและเงินเฟ้อยังพุ่งสูง ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลยังพร้อมมีบ้านเป็นของตนเองมากแค่ไหน
สถานะทางการเงินของผู้บริโภคยังคงสั่นคลอนอย่างต่อเนื่อง นอกจากโควิด-19 จะส่งผลให้เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวในอนาคตอันใกล้ เมื่อผนวกกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทำให้ราคาสินค้าและพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น พร้อมกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่อง จึงกลายเป็นความท้าทายที่ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องเตรียมแผนการเงินให้พร้อมรับมือทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะในกลุ่มมิลเลนเนียลซึ่งอยู่ในช่วงวัยที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ทำให้การวางแผนใช้จ่ายในช่วง 1 ปีข้างหน้าของกลุ่มมิลเลนเนียลส่วนใหญ่ให้ความสำคัญไปที่การสร้างความมั่นคงทางการเงินมากที่สุด โดย
ถึงแม้การออมเงินเพื่อซ้อที่อยู่อาศัย จะไม่ใช่ลำดับแรก แต่ก็สามารถสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มมิลเลนเนียลยังต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย เพียงจัดลำดับความสำคัญในการใช้จ่ายและรอให้มีความพร้อมทางการเงินมากพอเสียก่อน
สำหรับความพร้อมในการย้ายออกไปซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองนั้น พบว่ากว่า 54% ไม่พร้อมย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ โดยมีเหตุผลสำคัญดังนี้
เมื่อเจาะลึกถึงรูปแบบอสังหาฯ ที่กลุ่มมิลเลนเนียลต้องการซื้อนั้น มีดังนี้
อันดับ 1 คือ บ้านเดี่ยว
อันดับ 2 คือ คอนโด
อันดับ 3 คือ ที่ดิน
สำหรับที่อยู่อาศัย กลุ่มมิลเลนเนียลยังคำนึงถึงความพร้อมหากต้องการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต โดยมากกว่า 2 ใน 3 ของกลุ่มมิลเลนเนียลเผยว่า ยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อซื้อบ้าน/คอนโดฯ ที่มีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นในกลุ่มที่มีรายได้สูง ทั้งนี้เพื่อช่วยลดมลพิษ และประหยัดน้ำมัน
มาตรการจากภาครัฐ 3 อันดับแรกที่กลุ่มมิลเลนเนียลต้องการคือ
1.มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้าน
2. การปรับระเบียบข้อบังคับภาครัฐที่ช่วยให้เข้าถึงสินเชื่อบ้านได้ง่ายขึ้น
3. มาตรการควบคุมราคาที่อยู่อาศัยที่บังคับใช้โดยภาครัฐ
มาตรการเหล่านี้ไม่เพียงจะช่วยส่งเสริมให้กลุ่มมิลเลนเนียลที่อยากมีบ้าน/คอนโดฯ ได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยสมใจแล้ว ยังกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ ไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง
แม้ปัจจัยต่างๆ ในตอนนี้ อาจยังไม่เอื้อให้กลุ่มมิลเลนเนียลพร้อมที่จะมีที่อยู่อาศัย แต่เชื่อว่าหากปรับตัวและจัดลำดับความสำคัญในการใช้จ่ายได้เรียบร้อย ก็จะทำให้คนกลุ่มนี้พร้อมที่จะมีที่อยู่อาศัยได้อย่างไม่ยากนั่นเอง
สำหรับใครที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการตอบแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย จาก DDproperty สามารถร่วมตอบแบบสอบถามเพื่อสะท้อนความต้องการที่อยู่อาศัยและมุมมองคนหาบ้านชาวไทยยุคใหม่ พร้อมลุ้นรับรางวัลสุดพิเศษได้ตั้งแต่วันนี้-10 กรกฎาคม 2565 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้นะครับ