คะน้านั้นจัดว่าเป็นผักที่ทุกคนล้วนคุ้นเคยเป็นอย่างดี เนื่องจากวิธีปลูกคะน้านั้นสามารถทำได้ง่าย นอกจากนั้นคะน้ายังเป็นผักที่ใช้เป็นวัตถุดิบในหลากหลายเมนูซึ่งเป็นเมนูซึ่งทำได้ง่าย และทานได้บ่อยๆ แบบไม่รู้เบื่อ ไม่ว่าจะเป็นผัดคะน้าน้ำมันหอย คะน้าหมูกรอบ ราดหน้า ผัดซีอิ๊ว เป็นต้น ในบทความนี้จะพาไปรู้จักคะน้าแบบเจาะลึกถึงที่มา รวมไปถึงวิธีปลูกคะน้าแบบง่ายๆ ด้วยตัวเอง เป็นจำนวน 7 ข้อ ต่อไปนี้
คะน้า (Brassica albroglabra) หรือชื่อสามัญในภาษาอังกฤษคือ Kale จัดว่าเป็นผักที่นิยมปลูกมาในทวีปเอเชีย โดยเชื่อว่าคะน้านั้นมีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย และได้รับการเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง ทำให้มีการปลูกกันอย่างแพร่หลายไม่ว่าจะเป็น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ไทย เวียดนาม เมียนมาร์ ลาว มาเลเซีย และประเทศอื่นๆ อีกมากมาย โดยในประเทศไทยนั้นสามารถปลูกคะน้าได้ทุกภาค และให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี
คะน้านั้นเป็นผักที่ล้มลุก มีอายุประมาณ 2 ปี มีความทนทาน และแข็งแรงมาก สามารถเจริญเติบโตได้ดีในทุกสภาพดิน โดยลักษณะทั่วไปของคะน้านั้นเป็นผักใบเขียว ส่วนที่นำมาทานคือส่วนใบ รวมไปถึงลำต้น โดยในความเป็นจริงแล้วคะน้าจัดว่าเป็นผักขนาดใหญ่ที่สามารถสูงได้มากกว่า 1 เมตรเมื่อช่อดอกเจริญเติบโตเต็มที่ แต่การปลูกคะน้านั้นนิยมตัดเพื่อนำมาเป็นอาหารเมื่อเจริญเติบโตประมาณ 40 – 60 วัน หรือมีขนาดประมาณ 30 – 40 เซนติเมตรนั่นเอง
คะน้านั้นจัดว่าเป็นผักอีกหนึ่งชนิดที่มีประโยชน์ต่างๆ มากมายภายในตัวเอง ซึ่งประโยชน์ของคะน้านั้นได้แก่
ในปัจจุบันความนิยมในการปลุกผักชนิดต่างๆ เพื่อไว้ทานเองภายในบ้านกลายเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมในวงกว้าง เนื่องจากการปลูกผักเพื่อทานเองนั้นแม้จะไม่ได้ผลผลิตที่เป็นปริมาณเยอะๆ แต่ก็สามารถรับประกันได้ว่าผักที่ได้มานั้นมีความปลอดภัยแน่นอน ซึ่งคะน้าก็เป็นผักอีกหนึ่งชนิดที่สามารถปลูกไว้ในบริเวณบ้านได้ทั้งการปลูกลงดิน และปลูกในกระถาง ลองมาดูว่าขั้นตอนในการปลูกคะน้าด้วยตัวเองนั้นมีขั้นตอนอะไรบ้าง
คะน้านั้นจัดว่าเป็นผักที่มีความทนทานค่อนข้างสูง ทำให้ปัญหาสำคัญของคะน้านั้นไม่ใช่สภาพอากาศ แต่เป็นเรื่องของแมลงต่างๆ ที่จะเข้ามารบกวน ดังนั้นผู้ปลูกจึงควรหมั่นสังเกตว่าคะน้าที่ปลูกไว้มีแมลงศัตรูพืชต่างๆ เข้ามารบกวนหรือไม่ ส่วนการรดน้ำ และใส่ปุ๋ยนั้น ควรรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น ให้ชุ่ม เนื่องจากคะน้าเป็นผักที่โตเร็ว การให้น้ำอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นเรื่องที่ห้ามละเลย ส่วนปุ๋ยให้ใส่ได้ตามความเหมาะสม โดยเน้นที่ปุ๋ยไนโตรเจนเป็นหลัก
การเก็บเกี่ยวคะน้านั้น เมื่อถึงเวลาประมาณ 45 – 60 วันก็สามารถเก็บคะน้ามากินได้ โดยช่วงเวลาที่สามารถลูกคะน้าแล้วได้ผลผลิตดีที่สุดคือตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม ถึงเมษายน เนื่องจากมีสภาพอากาศที่เหมาะสม ไม่มีฝนตกมากจนเกินไป
คะน้านั้นถึงแม้ว่าจะเป็นผักที่อุดมไปด้วยประโยชน์ต่อร่างกาย แต่การทานคะน้ามากเกินไป หรือทานติดต่อกันนานเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ ถ้าเป็นคะน้าที่ไม่ได้ปลูกเองนั้นก่อนนำมาทานควรล้างให้สะอาดด้วยน้ำยาล้างผักที่สามารถล้างสารเคมีได้ดี เนื่องจากคะน้าจัดว่าเป็นผักอีกหนึ่งประเภทที่มีความเสี่ยงเรื่องยาฆ่าแมลงตกค้างค่อนข้างสูง
นอกจากนี้สาร Goitrogen ในคะน้ายังทำให้เกิดอาการท้องอืดเมื่อทานมากเกินไป รวมไปถึงทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานไม่ปกติอีกด้วย ดังนั้นจึงควรเลือกทานคะน้าในปริมาณที่เหมาะสม และไม่ทานติดต่อกันมากจนเกินไป
คะน้าจัดว่าเป็นผักที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายอย่าง และเป็นยังเป็นผักที่พบมากในเมนูอาหารจีน ซึ่งเมนูต่างๆ ที่นิยมใช้คะน้ามาเป็นส่วนประกอบได้แก่ ยำคะน้ากุ้งสด คะน้าผัดน้ำมันหอย คะน้าหมูกรอบ ผัดคะน้ากรอบ ราดหน้า ผัดซีอิ๊ว ข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าวิธีปลูกคะน้าด้วยตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องยาก และยังช่วยให้สามารถมีคะน้าที่สะอาด และปลอดภัยไว้รับประทานเองภายในบ้านอย่างไม่ต้องกังวลกับสารตกค้างต่างๆ และประโยชน์ที่มีมากมายของคะน้านั้นยังช่วยบำรุงสุขภาพในด้านต่างๆ ได้อีกด้วย ดังนั้นการเริ่มปลูกผักต่างๆ ไว้ทานเองภายในบ้านจึงเป็นเรื่องที่ควรศึกษา และควรทดลองทำดูในเวลาว่าง